ads head

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วุฒิ-ศักดิ์ VS นิติพล เกมพรีเซ็นเตอร์แรงเป๊ะ!


วุฒิ-ศักดิ์ VS นิติพล เกมพรีเซ็นเตอร์แรงเป๊ะ!      

สุกรี แมนชัยนิมิต Positioning Magazine 6 กรกฎาคม 2555

วุฒิ-ศักดิ์ VS นิติพล เกมพรีเซ็นเตอร์แรงเป๊ะ!

ที่มา http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=94947


สงครามแคมเปญโฆษณาของ “วุฒิศักดิ์” และ “นิติพล” ยังคงเดินหน้าไม่หยุด สำหรับ2 แบรนด์คลินิกผิวพรรณที่กลายเป็นคู่กัดถาวรแห่งวงการธุรกิจความงามที่มีมูลค่าทะลุ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ล่าสุดมาจนถึงทุ่มเงินออนแอร์กันแทบไม่ทัน เฉพาะแค่ครึ่งปีควักเงินไปแล้ว 100 ล้านบาท  ในเกมพรีเซ็นเตอร์ชนพรีเซ็นเตอร์เป๊ะ 

นี่คือปรากฏการณ์ของธุรกิจที่มาในกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในโหมดอยากสวย จ่ายเท่าไหร่ไม่ว่า  และสวยเมื่อไหร่ต้องได้ทันที เกมนี้จึงคุ้มที่จะลงทุนแคมเปญโฆษณากันอย่างเต็มที่

หากย้อนหลังไปดูข้อมูลการใช้งบโฆษณาจากบริษัทวิจัยนีลเส่น พบว่าในปี 2007 “วุฒิ-ศักดิ์” ใช้งบประมาณ 64 ล้านบาท โดย “นิติพล” ใช้มากเป็นอันดับ 2 คือประมาณ 23 ล้านบาท เกือบทั้งหมดอยู่ที่ทีวีซี จากนั้นเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักสิบล้านกลายมาเป็นหลักร้อยล้านภายใน 2 ปี จนทำให้แบรนด์อื่นๆ ต้องลงทุนโฆษณามากขึ้น  

ลากให้ทุกคนวิ่งตามจนเหนื่อยไปตามๆ กัน จนเห็นสภาพความอ่อนล้าได้ชัดเจนเมื่อบางแบรนด์ขอเว้นวรรคในบางปี อย่าง “พรเกษม”  “ราชเทวี” หรือแม้แต่ “แพน คอสเมติก” และมีแต่เพียง “นิติพน” และ “วุฒิ-ศักดิ์” ที่ตามติดกันราวกับการแข่งกับเงาของตัวเองตลอดเวลา ด้วยกลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์ชนพรีเซ็นเตอร์ เฉพาะทีวีซีใช้งบออนแอร์รวมกันทะลุ 100 ล้านบาทในเวลาเพียง 5 เดือนแรกของปี 2012 

ธุรกิจนี้ไม่อาจถอยได้ เพราะการแข่งขันระหว่างสองแบรนด์นี้ไม่ใช่การแข่งขันแบบธรรมดา แต่หมายถึงศักดิ์ศรี จากแต้มความขัดแย้งที่สะสมมานาน ที่ผู้บริหาร “วุฒิ-ศักดิ์” คืออดีตผู้ร่วมงานของ “นิติพล” ที่ออกมาตั้งธุรกิจแข่ง แถมยังแย่งตลาดจนชิงลูกค้าส่วนใหญ่ของตลาดไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบัน “วุฒิ-ศักดิ์” ประกาศว่ามีส่วนแบ่งตลาดแล้วถึง 50% จากมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท รวมไปถึงการได้ผู้ร่วมทุนใหม่ที่เป็นกองทุนต่างชาติพร้อมลงทุนเต็มที่

ดูปรากฏการณ์แล้วตั้งคำถาม เกมนี้บอกอะไรเราได้บ้างในทางการตลาด มาฟังคำตอบจาก “รศ.กิตติ  ศิริพัลลภ” อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat Business School)



อินไซท์ผู้บริโภค “ดูดีก็มีโอกาส”
เป็นธรรมชาติของคนที่อยากดูดี หน้าตาดี ไม่ว่าผู้ชาย หรือผู้หญิง ที่สำคัญมากกว่านั้น คือ วันนี้พิสูจน์ได้ว่าคนหน้าตาดีมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตสูง เพราะมีบางอาชีพที่ใช้หน้าตา อย่าง ดารา นักร้อง พิธีกร ที่สำเร็จในอาชีพ โดยวัดจากการมีรายได้สูง เพราะฉะนั้นคนจึงอยากหน้าตาดีเผื่อได้เป็นดารา 

หรือในกรณีของคนทำงานที่ต้องไปพบปะลูกค้า หน้าตาดีก็มีโอกาสได้งาน ซึ่งหมายถึงรายได้ตามมา และรวมไปถึงการได้พบกับคู่ครอง โดยสรุปได้ว่าคนอยากสวยหล่อเพราะมีโอกาสทั้งในแง่ของงาน อาชีพ รายได้ และชีวิตคู่

เมื่อธุรกิจนี้มีเทคโนโลยีความงามมาช่วย ทำให้คนหน้าตาดีขึ้นได้ง่าย ธุรกิจนี้จึงเติบโตอย่างที่เห็น



RTB ด้วย “ดารา” 
เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการ แต่จะเลือกใช้แบรนด์ใดนั้น ดร.กิตติบอกว่าขึ้นอยู่กับความสามารถของแบรนด์ว่าจะมีกลไกลดึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร โดยมีหลักการตลาดที่เรียกว่าการสร้าง Reason to Believe หรือ RTB หรือการสร้างเหตุลที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อแล้วซื้อ เช่น จากความเชื่อในชื่อเสียงของแบรนด์ องค์กร 

กรณีของคลินิกความงามนี้ แบรนด์ “นิติพล” และ “วุฒิ-ศักดิ์” แสดงให้เห็นถึงการใช้ RTB   ที่กำลังแข่งขันกันใช้พรีเซ็นเตอร์ว่า เป็นการนำเสนอผลงานคือความสวย และดูดีของดารา จากฝีมือของหมอของแบรนด์นั้นๆ เพิ่มเติมจากปกติคลินิก หรือการรักษาพยาบาลจะนำเสนอถึงชื่อเสียงขององค์กร แบรนด์ หรือการใช้ดีกรีจากต่างประเทศมาเป็นเหตุลผที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อและใช้บริการ

การใช้ดาราก็คือหาบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ผู้บริโภครู้จัก มาเป็น Endroser ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจลักษณะนี้ หากเป็นธุรกิจอื่นอาจไม่จำเป็น เช่น ธุรกิจอาหารที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องมีคนดังมารับรองความอร่อย 

จะเห็นได้ว่าทั้ง “วุฒิ-ศักดิ์” และ “นิติพล” มีการใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นดารานักร้องอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่นักร้องเกาหลีตามกระแสกิมจิฟีเวอร์ จนถึงดาราวัยรุ่น และรุ่นใหญ่ โดยเฉพาะ “วุฒิ-ศักดิ์” ที่ทุ่มจ้างพรีเซ็นเตอร์ที่แมสรู้จักอย่าง “ไก่ วรายุทธ” ดาราและผู้จัดละครช่อง 3 “ปุ้ย พิมลวรรณ” พิธีกรรายการแมสอย่างผู้หญิงถึงผู้หญิง พร้อมกับการสร้างคีย์เวิร์ด จนติดปากอย่างคำว่า “เป๊ะ” และสัญลักษณ์การทำนิ้วเป็นตัวอักษร W 

จนมาถึงพรีเซ็นเตอร์ชุดล่าสุดที่เติมความหนักแน่นของเหตุผลที่จะเชื่อด้วย “แหม่ม สุริวิภา” “ลิเดีย” และ “ต่าย เพ็ญพักตร์” 

ขณะที่ “นิติพล” ที่เคยมีเพียง “น้ำชา” นักร้องวัยรุ่นเป็นพรีเซ็นเตอร์มาหลายปี เริ่มขนทัพพรีเซ็นเตอร์มาชนเช่นกัน ตั้งแต่ “กาละแมร์” อีก 1 พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงที่ถือเป็น Influencer ทั้งในกลุ่มคนสังคมออนไลน์และออฟไลน์ จนมาถึงพรีเซ็นเตอร์คู่อย่าง “ชาย ชาตโยดม และ วิกกี้ สุนิสา” ที่มีกระแสฮอตยิ่งขึ้นเมื่อแต่งงาน



Me too ไม่ชนะ แต่ก็ไม่แพ้
การกระหน่ำใช้พรีเซ็นเตอร์ของ “วุฒิ-ศักดิ์” ไม่เพียงสะเทือน “นิติพล” แต่คู่แข่งเกือบทุกแบรนด์ก็อยู่นิ่งไม่ได้ มีการใช้เม็ดเงินการซื้อสื่อตอกย้ำ Positioning ของตัวเองกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น พรเกษมคลินิก ที่ดึงจุดแข็งของตัวเองออกมาสื่อสารเรื่องการรักษาสิว ที่เป็นปัญหาของวัยรุ่น มานำเสนออย่างต่อเนื่อง แต่สายป่านของแต่ละแบรนด์ยาวไม่เท่ากัน เม็ดเงินพร้อมทุ่มซื้อสื่อต่างกัน ทำให้บางปีบางแบรนด์ก็ต้องถอย

แต่ “นิติพล” ไม่ถอย ด้วยการจัดทัพพรีเซ็นเตอร์มาชน แม้จะต้อง Me too ตาม “วุฒิ-ศักดิ์” ก็ตาม

กลยุทธ์เที่ยวล่าสุดนี้ นพ.นิติพล ชัยสกุลชัย ประธานกรรมการบริษัทนิติพล คลินิก ได้มอบหมายให้ฝ่ายการตลาดของนิติพล คลินิก อธิบายว่า ต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น ไปยังกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ อายุ 25-35 ปี มีตัวแทนคือ “ชายและวิกกี้” “กาละแมร์” ตัวแทนผู้หญิงทำงานที่ดูแลตัวเองอยู่ตลอดและสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าจะต้องทำงานหนัก และสุดท้าย “ก้อง ปิยะ” เป็นตัวแทนของกลุ่มคนในวงการบันเทิง เซเลบริตี้ซึ่งต้องดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดีเพราะต้องออกสื่อตลอดเวลา 

การใช้พรีเซ็นเตอร์จำนวนมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคสับสนแล้วเดินเข้าผิดร้านหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตตลาดของนิติพลบอกเพียงว่า นี่เป็นกลยุทธ์ในการสื่อสารโดยพรีเซ็นเตอร์หลากหลาย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายจดจำสินค้าและบริการได้แม่นยำ โดยโฆษณาทุกตัวจะมีเอกลักษณ์ เน้นสื่อสาร Key Messageชัดเจนเข้าใจง่ายว่า “ทุกความสวยเป็นไปได้”   

งานนี้ “รศ.กิตติ” บอกว่าชัดเจนว่า “นิติพล” ต้องการหา Endroser มาลดความร้อนแรงของ “วุฒิ-ศักดิ์”  และทำให้คนสนใจ “นิติพล” มากขึ้น โจทย์ก็คือ “วุฒิ-ศักดิ์” จะต้องป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคสับสน เดินเข้าผิดร้าน อย่างที่ “วุฒิ-ศักดิ์” ทำถือว่าได้ผล คือการตอกย้ำแบรนด์และหาคีย์เวิร์ดมาสร้างความจดจำ ด้วยการจบท้ายทุกโฆษณาว่า “วุฒิ-ศักดิ์ เป๊ะ”
อีกความเห็นจากนักโฆษณาหลายคนที่มองว่า โฆษณาที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองแบรนด์แข่งกันดึงพรีเซ็นเตอร์ที่มีแฟนคลับของตัวเองมาดึงลูกค้า โจทย์นี้คือใครมีพรีเซ็นเตอร์ที่แรง มีแฟนคลับตามเยอะ แบรนด์นั้นก็ได้เปรียบ ถือเป็นมูลค่าเพิ่มสำหรับแบรนด์นั้น  

รศ.กิตติบอกว่าการทำตามหากทำไม่ดีก็เสียฟอร์ม แต่ถ้าทำดีกว่าก็ถือว่าไม่เสียฟอร์ม การใช้พรีเซ็นเตอร์ถ้านำพรีเซ็นเตอร์ที่ดังใกล้เคียงกันหรือดังกว่า ก็ชนะในแง่การจดจำมากกว่าของผู้บริโภค กรณีนี้มีข้อระวังคือผู้ตามอาจพลิกเป็นเจ้าของตำแหน่งในทางการตลาดไปได้  แต่สุดท้ายคือคนที่มีเงินอัดซื้อเวลาเต็มที่ และวางแผนการออกอากาศได้ดี มีกลยุทธ์ แบรนด์นั้นก็จะชนะในเกมพรีเซ็นเตอร์ชนพรีเซ็นเตอร์นี้ในที่สุด


ตลาดธุรกิจคลินิกดูแลผิวพรรณ
10,000 ล้านบาทคือมูลค่าตลาดรวม
50%คือส่วนแบ่งตลาดของวุฒิ-ศักดิ์
20% คืออัตราการเติบโตของธุรกิจดูแลผิวพรรณ

วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก 
สโลแกนเพราะความสวยรอไม่ได้
ก่อตั้งเมื่อสิงหาคม 2546
ทุนจดทะเบียน1 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 คน นพ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ และ นายพลภัทร จันทร์วิเมลือง คนละ 33.33% ก่อนหน้านั้นทั้ง 3 คนเคยตั้งคลินิก โดยตอนนั้น นายณกรณ์มีชื่อเดิม “นิพนธ์ จึงเจริญสุขยิ่ง และนายพลภัทร ชื่อนายวิเชียร จันทร์วิเมลือง แต่เลิกกิจการและมาตั้งคลินิกใหม่ชื่อแบรนด์ “วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก” เริ่มสาขาแรกที่งามวงศ์วาน
ตุลาคม 2551เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 400 ล้านบาท ปี 2552 เพิ่มทุนเป็น 430 ล้านบาท ในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ปี 2553 ทุนจดทะเบียน 575 ล้านบาท แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน 
ปี 2555มีผู้ร่วมทุนใหม่คือกองทุนซิตี้ เวนเจอร์ แคปปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล และไทยสแตรทีจิค แคเปปิตอล รวมถือหุ้น 30% มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายสาขา และแข่งขันในต่างประเทศ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 115 สาขา โดยมีในกัมพูชา 2 ลาว 3 สาขา
เฟซบุ๊กเพจณ วันที่ 5 มิ.ย.16.12 น. 16,032 Likes






การใช้พรีเซ็นเตอร์
ปี 2552 โชว จี วอน
ปี 2553 T-Max พร้อมกับการเริ่มมีศิลปินไทยอีก 4 คน ไก่ วรายุทธ ปุ้ย พิมลวรรณ ลิเดีย ศรันย์รัชต์ และ เค โอติก
ธันวาคม 2554 วง B1A4 ศิลปินจากประเทศเกาหลี  มีสมาชิกวง 5 คน  Jinyoung จินยอง (หัวหน้าวง), Baro บาโร, Gongchan กงชาน, Sandeul ซานดึล, CNU ชินวู มีหนังโฆษณา 2 เวอร์ชั่น ชื่อชุด “Beautiful Target” และ “On and On and On”
พฤษภาคม 2555 เปิดตัว 6 พรีเซ็นเตอร์ โดยมีกิจกรรมให้แฟนเพจในเฟซบุ๊กทายว่าเป็นใครบ้าง มีดังนี้ 1.ณฉัตร วัลเณซ่า มิสไทยเเลนด์เวิลด์ปี 2012  2. ไก่ วรายุทธ 3. ปุ้ย พิมลวรรณ 4. น้องเก้า จิรายุ 5. นู๋แหม่ม สุริวิภา และ 6.คุณต่าย เพ็ญพักตร์



นิติพล คลินิก 
สโลแกนทุกความสวยเป็นไปได้
ก่อตั้งเมื่อปี 2534 ที่ตึกแถวย่านรามคำแหง โดย นพ.นิติพล ชัยสกุลชัย ประธานกรรมการบริษัทนิติพล คลินิก และปี 2553 รีเฟรชแบรนด์ เปลี่ยนสีและโลโก้จากสีน้ำเงินเป็นสีชมพู ช็อกกิ้งพิงค์ เพื่อให้ต่างจากวุฒิ-ศักดิ์มากที่สุด 
เฟซบุ๊กเพจณ วันที่ 5 มิ.ย. 16.12 น.มี 72,263 Likes

การใช้พรีเซ็นเตอร์
ไตรมาส 4 ปี 2553 น้ำชา ซีรณัฐ ยูสานนท์ เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน อายุ 20-45 ปี   
ไตรมาสแรกปี 2555 “ชายและวิกกี้” “กาละแมร์” และ “ก้อง ปิยะ”


เม็ดเงินโฆษณาสะพัด
การใช้สื่อโฆษณาในทุกสื่อเริ่มมีการติดตามจากบรรดาเอเยนซี่ประมาณปี 2007 โดยแบรนด์วุฒิ-ศักดิ์ทุ่มเม็ดเงินโฆษณาถึง 64 ล้านบาท จนทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องใช้เม็ดเงินตาม โดยเฉพาะนิติพลคลินิก ที่ทุ่มถึง 23 ล้านบาท  และปี 2008 อัดมากกว่าวุฒิ-ศักดิ์ 

จากนั้นทั้งสองแบรนด์ก็สู้กันด้วยโฆษณาอย่างเต็มที่ และนับตั้งแต่ปี 2009 วุฒิ-ศักดิ์ก็ทุ่มหนักมาโดยตลอด โดยเฉลี่ยใช้สูงกว่านิติพลเท่าตัว จน 5 เดือนแรกของปี 2012 ที่นิติพลขยับใช้เงินมากขึ้น โดยเฉพาะในสื่อทีวีซี ที่ห่างกันไม่เกิน 10 ล้านบาท

ยอดการใช้งบโฆษณา 5 แบรนด์คลินิกความงาม (หน่วย : ล้านบาท)
(รวมทุกสื่อมีทีวี วิทยุ นสพ.นิตยสาร สื่อนอกบ้าน สื่อระบบขนส่งมวลชน สื่อในห้าง)
แบรนด์ปี 2010ปี 2011ม.ค.-พ.ค.2011ม.ค.-พ.ค.2012
วุฒิ-ศักดิ์209.56203.0982.0186.65
นิติพล99.48110.6132.8959.86
หมอมวลชน12.5928.0027.183.51
พรเกษม27.4925.9917.911.35
ราชเทวี16.7118.111.18-
ผิวหนังอโศก26.1614.786.794.95
รวม392.00400.65177.98156.35

ยอดใช้งบโฆษณาเฉพาะในสื่อทีวีปี 2007 - พ.ค.2012
แบรนด์งบ (ล้านบาท)
วุฒิ-ศักดิ์367.76
นิติพล217.69
หมอมวลชน54.03
พรเกษม34.63
ราชเทวี30.69
ผิวหนังอโศก3.45

การใช้งบโฆษณาในสื่อทีวี นิติพลVS วุฒิ-ศักดิ์ 
ปีวุฒิ-ศักดิ์นิติพล
20073.82-
20081.31-
200945.8212.54
2010123.7664.49
2011133.1489.28
ม.ค.-พ.ค.201151.2824.97
ม.ค. - พ.ค.201259.9051.37

การใช้งบโฆษณาในทุกสื่อ วุฒิ-ศักดิ์VSนิติพล (ม.ค. - พ.ค.2012)
สื่อวุฒิ-ศักดิ์นิติพล
ทีวี59.9051.37
วิทยุ51.377.8
หนังสือพิมพ์4.006.3 แสน
นิตยสาร4.63  แสน6.1 หมื่น
สื่อนอกบ้าน3.52
สื่อระบบขนส่งมวลชน2.4-
สื่อในห้าง9. แสน-
รวม86.6559.86
ที่มา : นีลเส่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น