ads head

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นักลงทุนดันโด(1)

“ตามรอยวิถีเซียนลงทุ น: การลงทุนแบบดันโด(1)”
ดร.กฤษฎา เสกตระกูล, CFP
ตลาดหลักทรัพยแหงประเทศไทย

การเรียนรูกลยุทธและสไตลการลงทุนของนักลงทุนที่ประสบความสําเร็จมาแลวเปนเรื่องที่จะชวยใหเราไดตัวอยางของแนวคิดและวิธีการลงทุนในรูปแบบตางๆ ซึ่งเราก็จะสามารถเลือกตามแบบที่เหมาะกับสไตลของเรา ในวันนี้ผมขอพูดถึง “การลงทุนแบบดันโด”  ซึ่งสรุปรวบยอดความรูมาจากหนังสือThe Dhandho Investor เขียนโดยโมนิชพาไบร แปลและเรียบเรียงเปนภาษาไทยโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข จัดพิมพโดยสํานักพิมพวิสดอมเวิรค เพรส หนังสือเลมนี้แปลชื่อการลงทุนแบบดันโดวา “กลยุทธการลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่ําแตใหผลตอบแทนสูง” แนวคิดของกลยุทธนี ้สะกิดใจผมในฐานะนักการเงินที่ถูกพร่ําสอนมาตลอดวา “ถาความเสี่ยงต่ําผลตอบแทนที่คาดวาจะไดรับก็จะต่ําดวย( Low Risk Low Expected Return )” แตถามีวิธีการลงทุนที่ทําใหความเสี่ยงต่ําแตอัตราผลตอบแทนสูงดวย
วิธีการนี้ก็นาสนใจไมใชนอย

โมนิช พาไบร เปนนักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย ซึ่งคลุกคลีกับธุรกิจดานIT มากอนเขากอตั้งTranstech Inc ซึ่งเปนบริษัทใหคําปรึกษาเกี่ยวกับระบบIT ขึ้นในป ค.ศ. 1991 ดวยเงินลงทุนตนเองเพียง30,000 ดอลลารและจากหนี้บัตรเครดิต70,000 ดอลลาร เขาพัฒนาธุรกิจของบริษัทจนเติบโตและขายบริษัทออกไปในป ค.ศ. 2000 ใหแกKurt Salmon Associates ในราคาประมาณ20 ลานดอลลาร ปจจุบันเขาเปนหุนสวนผูจัดการของPabrai Investment Funds  ซึ่งเปนธุรกิจดานการลงทุนที่ไดกอตั้งมาตั้งแต ค.ศ. 1999 ดวยความที่เปนคนเชื้อสายอินเดียซึ่งเกงกาจดานการทําธุรกิจไมแพใคร โมนิช พาไบร ไดสังเกตและรวบรวมเคล็ดลับของนักธุรกิจเชื้อสายอินเดียที่มาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะกลุมตระกูล พาเทล ซึ่งมาจากรัฐกุจราช ประเทศอินเดีย ที่ครอบครองธุรกิจโมเต็ลกวาครึ่งในสหรัฐฯ ในปจจุบันทั้งๆ ที่กลุมคนเหลานี้เพิ่งอพยพเขามาตั้งรกรากในสหรัฐฯ เมื่อทศวรรษ1970 ที่ผานมานี้เอง โมนิช พาไบร ไดสังเกตแนวคิดและเคล็ดลับการทําธุรกิจจนประสบความสําเร็จของคนกลุมนี้ซึ่งสามารถประยุกตใชกับการลงทุนในหุนได โดยตั้งชื่อวาการลงทุนแบบดันโด

“ดันโด” (Dhandho) เปนคําจากภาษากุจาราตี โดย “Dhan” มาจากคําวา “Dhana” หรือ ธนา ซึ่งหมายถึง “เงินหรือความมั่งคั่ง” และ “Dhando”  แปลไดวา “ความพยายามสรางความมั่งคั่ง” เมื่อศึกษาไปเรื่อยๆ แนวคิดดันโดจะเกี่ยวของกับการพยายามขยายผลตอบแทนใหสูงสุด ขณะที่จํากัดความเสี่ยงใหอยูในระดับต่ําสุด ผูเขียน(โดยผูแปล) สรุปแนวคิดใหเปนภาษาชาวบานเขาใจแนวคิดแบบดันโดอยางงายๆ วา “ออกหัว ผมไดเงิน  ออกกอย ผมเสียเงินนิดหนอย”

ลักษณะเดนของวิถีแหงดันโด
โมนิช พาไบร หยิบยกเอากรณีศึกษาของ ปาปา พาเทล ผูอพยพเชื้อสายอินเดียที่พาครอบครัวหนีตายมาจากยูกันดาของจอมเผด็จการ อีดี้ อามิน ในชวงทศวรรษ1970 และตองดิ้นรนทํางานอยางหนักในการเปนลูกจางรานขายของชําเพื่อใหครอบครัวอยูรอด ในทศวรรษ1970 นี้เองเกิดวิกฤตราคาน้ํามันที่สูงขึ้นหรือเรียกวาOil Shock ครั้งแรกของโลกสงผลใหเกิดเศรษฐกิจตกต่ําทั่วไปของโลกรวมทั้งสหรัฐฯดวย ผลดังกลาวกระทบตอธุรกิจโมเต็ลที่จัดอยูในกลุมการใชจายที่ไมจําเปน แมผูคนจะจําเปนตองเดินทางแตความตองการที่จะเขาพักก็ลดลงไปอยางมากสิ ่งที่ตามมาก็คือ ปญหาหนี้เสียในธุรกิจโมเต็ลของธนาคารพาณิชยเริ่มสูงขึ้น ธนาคารบางแหงยึดโมเต็ลมาประกาศขายทอดตลาด ในราคาถูก ปาปา
พาเทล เห็นโอกาสนี้เขาเขาซื้อโมเต็ลเล็กๆ ขนาด20 หอง โดยรวบรวมเงินของตนและญาติมาไดเพียง5,000 ดอลลารและขอกูโดยค้ําประกันสวนตัวในอัตราสูงถึงประมาณ90%  ของราคาขาย ซึ่งธนาคารก็ตองยอม เพราะไมเชนนั้นก็ตองแบกภาระหนี้เสียตอไป เขาและครอบครัวบริหารและพักอาศัยอยูในโมเต็ลนี้ดวยทําใหประหยัดคาใชจายไปได นอกจากนี้จุดเดนของการควบคุมตนทุนใหต่ําที่สุดโดยทํางานเองทุกอยาง รวมทั้งลดราคาหองพักใหต่ําลงมาไดใหมากที่สุดทําใหโมเต็ลของ ปาปา พาเทล สามารถอยูรอดมาไดภายใตภาวะเศรษฐกิจตกต่ํา

ในตอนที่ ปาปา พาเทล ตัดสินใจวาจะลงทุนในโมเต็ลนี้ สังเกตไดวาเขากําหนดหลักการสําคัญๆ ไวดังนี้

1.  ธุรกิจนี้เปนธุรกิจที่ดําเนินงานอยูแลว ไมผันผวน มีประวัติการสรางกําไรและกระแสเงินสดมายาวนาน
ลักษณะธุรกิจไมซับซอน ถาควบคุมตนทุนต่ําไดจะไดเปรียบเชิงแขงขัน
2.  แมวาในขณะนั้นภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ํา แตถาในอนาคตภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นจะสงผลดีตอกําไรและ
ผลตอบแทนสูงมาก ถาภาวะเศรษฐกิจตกต่ําไปภายใตการควบคุมตนทุนใหต่ําถึงขีดสุด(ซึ่งครอบครัวนี้
ทําไดแน) ธุรกิจนี้ก็จะยังคงใหกําไร แตถาโชครายเศรษฐกิจตกต่ํามากที่สุด(ซึ่งความนาจะเปนไมสูง)
ผลประกอบการย่ําแย ชําระหนี้ไมไดธนาคารเขามายึดทรัพยสิน ก็ยึดไดแตโรงแรม ตัวเขาเองไมมีทรัพยสินใด อยางมากเขาก็กลับไปทํางานเปนลูกจางรานขายของชําแลวคอยๆ ผอนหนี้สวนที่เหลือตอไป หลักการในขอ2 นี้ เปนที่มีของแนวคิดวา “ออกหัวไดเงิน ออกกอยผมเสียเงินนิดหนอย” และรูอยูแลววาโอกาสออกกอยมีนอยกวาทําให ปาปา พาเทล สามารถมีโอกาสขยายผลตอบแทนจากการลงทุนไดจากมากถึงนอย ในขณะที่ควบคุมความเสี่ยงจากการลงทุนไดไมวาภาวะเศรษฐกิจจะผันผวนมากนอยก็ตาม นักการเงินมองวาความผันผวน(ของเหตุการณ) คือ ความเสี่ยง จึงระบุวาHigh Risk High Return แตในมุมมองของปาปา พาเทลแลว แมวาสภาวะการณจะผันผวน แตถาควบคุมความเสี่ยงในการจัดการใหอยูในระดับต่ําไดโอกาสที่จะไดอัตราผลตอบแทนสูงก็ยอมมีความเปนไปได

บางคนอาจคิดวา ปาปา พาเทล อาศัยเหตุการณOil Shock ในยุคทศวรรษ1970 ซึ่งเปนเหตุการณพิเศษและอาจไมเหมือนยุคอื่น และวิถีแหงดันโด นี้จะประยุกตใชไดกับชวงเวลาอื่นหรือไม ผูเขียนไดยกกรณีศึกษาอื่นๆ ในชวงเวลาอื่นๆ เพื่อยืนยันกฎของดันโด

•  กรณีศึกษาของ มณีลาล ชอธุรี
นักธุรกิจอเมริกันเชื้อสายอินเดียที่ลงทุนในธุรกิจโมเต็ลเชนกัน แตมณีลาล อดีตนักบัญชีจากอินเดีย เขามาตั้งรกรากในสหรัฐฯ ในป1991 มานี้เอง โดยเริ่มตนการทํางานหนักในปมน้ํามันและเปนนักบัญชีของบริษัทผูผลิตแหลงจายไฟสําหรับคอมพิวเตอร เขาเก็บออมเงินทุนแตไมมากพอที่จะลงทุนในธุรกิจโมเต็ล จังหวะของมณีลาลมาถึงเมื่อเกิดเหตุการณ9-11 ทําใหภาวะการทองเที่ยวเกิดภาวะชะงักงันคลายกับในชวงทศวรรษ1970 มณีลาลใชโอกาสนี้เขาซื้อธุรกิจโมเต็ลในราคาถูกทันที เขาใชแบบจําลองธุรกิจคลายกับ ปาปา พาเทล วิถีแหงดันโดเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากแนวคิดที่มองธุรกิจที่ดําเนินงานอยูแลวธุรกิจไมซับซอน ออกหัวผมไดเงิน ออกกอยผมเสียเงินนิดหนอย และที่เพิ่มเติมทั้งจากกรณี
ของปาปา พาเทลและมณีลาล ก็คือเดิมพันนอยอยาง เดิมพันหนักๆ ไมเดิมพันบอย

•  กรณีศึกษาของ ลักษมี มิตทาล
ลักษมี มิตทาล เจาพอธุรกิจเหล็กเชื้อสายอินเดียที่รวยอันดับ3 ของโลก รองจาก บิล เกตสและวอรเรน
บัพเฟตต เทานั้น มิตทาลเปนเจาของธุรกิจเหล็กที่เขาสรางและควบรวมมาเกือบทั่วโลกการเขาเทคโอเวอรบริษัทเหล็กในหลายๆ ประเทศ เขาไดของราคาถูกที่กําลังแย ซื้อแลวเขาก็นํามาบริหารใหเกิดประสิทธิภาพในบางกรณีที่เขาไปชวยธุรกิจเหล็กของบางประเทศ เชนKarmet Steel Works ของคาซัคสถาน เขาชวยรักษาคนงานและธุรกิจของเมืองนี้เอาไวมิตทาลไดรับความเคารพศรัทธาเปนอยางมาก เสนทางความมั่งคั่งของมิตทาลอยูบนการวิพากยวิจารณของนักวิเคราะหที่มองวาธุรกิจเหล็กเปนอุตสาหกรรมที่แยเพราะควบคุมราคาขายไมได ตองใชเงินลงทุนสูง เมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ําจึงมีธุรกิจเหล็กที่ลมละลายจํานวนมาก แตมิตทาลมองไมเหมือนคนอื่น เขาคอยจังหวะในการเขาซื้อในราคาถูกและนํามาบริหารใหดีตนทุนต่ํา ทําใหเขายืนหยัดอยูได นี่ก็เขาขายการลงทุนตามแนวคิดแหงวิถีดันโดเหมือนกัน ซึ่งสามารถใชไดกับธุรกิจเหล็กซึ่งเปนธุรกิจตองตอสูอยางมาก ลักษณะธุรกิจก็ไมไดเติบโตอยางกาวกระโดด มิตทาลตองวายทวนน้ําดวยซ้ําแตเขาก็สามารถรวยเปนอันดับ3 ของโลก

•  กรณีศึกษาของ ริชารด แบรนสัน
วิถีแหงดันโด ไมใชใชไดผลเฉพาะคนเชื้อสายอินเดียเทานั้น มันถูกยืนยันวาใชไดทั่วไป กรณีของริชารด
แบรนสัน ผูกอตั้งสายการบินVirgin Atlantic ก็เริ่มตนธุรกิจสายการบินโดยใชเงินลงทุนนอยมากและควบคุมใหความเสี่ยงต่ําได ทั้งๆ ที่ไมมีประสบการณดานธุรกิจการบินเลย รูแตธุรกิจเกี่ยวกับการแตงเพลงคายเพลง เขาเห็นชองวางการทําสายการบินตนทุนต่ํา โดยเชาเครื่องบินซึ่งจะเสียคาใชจายภายหลังจากบินไปแลว แตในขณะที่จะมีรายรับจากการจําหนายตั๋วเขามากอน เขาไมจําเปนตองลงทุนซื้อเครื่องบิน เพราะเชาระยะสั้นจากโบอิ้งได นี่คือจุดเริ่มตนจนทําใหธุรกิจของVirgin ขยายตัวออกไปอยางมาก และถาสังเกตใหดีธุรกิจนี ่ก็เปนสไตลวิถีแหงดันโดเชนกัน

สิ่งที่ผมประทับใจที่สุด ในฐานะของผูตีความและเอามาเขียนสรุปประเด็นสําคัญใหทานผูอานไดรับรูกันก็คือบางครั้งในการลงทุนเวลาที่เราเขาไปในตลาดที่มีความผันผวนมากๆ ซึ่งนักการเงินเรียกวามีความเสี่ยงสูงเราก็ตองการผลตอบแทนมากๆ เพื่อชดเชยความเสี ่ยง แตผมมักเห็นวาสิ่งที่เราตองการ เรามักจะไมไดและพบวาคนสวนใหญมักจะขาดทุนภายใตตลาดที่มีความผันผวนและติดหุนทําใหมักจะพบวาเขาไปที่High Risk แตไมเห็นจะไดHigh Return จากความรูวิถีดันโด ทําใหผมเห็นแนวคิดที่ตอยอดความรูเพิ่มเติมวาภายใตความผันผวนสูง ถาเราควบคุมความเสี่ยงใหต่ําไดผลตอบแทนก็ยังมีโอกาสที่จะไดรับในอัตราที่เราพึงพอใจได วิธีทําเชนนี้ ชาวดันโดเรียกวา “ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยง
ต่ํา แตมีความไมแนนอนสูง
” ในตอนตอไปผมจะนําแนวคิดแบบดันโด มาสรุปประเด็นสําคัญอีกครั้งและจะตีความดวยวาจะนํามาใชในการลงทุนในหุนไดอยางไร
******************************************************************
ติดตามบทความเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนที่นาสนใจอื่นๆ ไดที่ www.tsi-thailand.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น