ads head

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

จอห์น เนฟฟ์ นักลงทุนที่เน้นคุณค่า…..แบบสุดโต่ง

จอห์น เนฟฟ์ นักลงทุนที่เน้นคุณค่า…..แบบสุดโต่ง


สวัสดีครับ เพื่อนๆ  พี่ๆ  เฟสบุ๊ค
ตลาดหุ้นไทย.. ยังคงผันผวน อยู่ตลอดเวลา
การลงทุน…. จึงต้องระมัดระวัง…เป็นอย่างยิ่ง นะคร้าบ
วันนี้ ผมจึงขอแนะนำ แนวคิดของ……….  กูรูนักลงทุนระดับโลก ท่านหนึ่ง
ที่ได้ลงทุนผ่านร้อน……….. ผ่านหนาว……. มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว
ในตอน “จอห์น เนฟฟ์ ฮาร์ดคอร์-วีไอ ตัวจริง”




ก่อนอื่น…….  ขออธิบายคำศัพท์ซักหน่อยครับ
ฮาร์ดคอร์ (Hard Core)  แปลว่า คนที่ยอมลงให้ใครง่ายๆ  คนที่มีแนวคิดสุดโต่ง
วีไอ ย่อมาจาก Value Investor (VI)  แปลว่า นักลงทุนที่เน้นคุณค่า
แปลง่ายๆว่า  นักลงทุนที่จะพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทของหุ้นตัวนั้นๆ ว่า
ด้วยปัจจัยทั้งหมดแล้ว………..  ราคาหุ้น…..ถูกไหม?  ถ้าถูกมากๆ…. จึงจะซื้อ
เรื่องในวันนี้ จึงแปลว่า .. จอห์น เนฟฟ์ นักลงทุนที่เน้นคุณค่า…..แบบสุดโต่ง




จอห์น เนฟฟ์ เกิดในปี 1931
พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เขาอายุได้ 4 ขวบ
โดยมารดาของเขาได้ย้ายมาอยู่กับคุณตาคุณยายของเขา ในเมืองแกรนด์แรพพิด รัฐมิชิแกน
หลังจากที่เขาเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว…………………..
เขาก็ทำงานหลากหลายไปหมด เช่น ขายเครื่องดนตรี ขายอุปกรณ์หล่อลื่น
ขายรถยนต์……….    จนในที่สุดก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารเรือ




หลังจากปลดประจำการ……………………….
จอห์น เนฟฟ์ สมัครเข้าเรียนที่ University of Toledo
ระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย   จอห์น เนฟฟ์ สนใจในวิชาด้านการลงทุนมาก
โดยอาจารย์ผู้จุดประกายให้เขา คือ ดร.ซิดนีย์ รอบบินส์
ที่ย้ายมาจาก Columbia University
ซึ่ง ดร.รอบบินส์ ก็เป็นลูกศิษย์ของเบนจามิน เกรแฮม  ….. ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์




เนฟฟ์ เริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
ที่ National City Bank ในเมืองคลีฟแลนด์
สาเหตุเป็นเพราะว่า เป็นบริษัทหลักทรัพย์เพียงแห่งเดียว  ที่รับเขา……เข้าทำงาน
โดยในช่วงแรกๆ เขาได้รับมอบหมายให้ดูแลการวิเคราะห์อุตสาหกรรม 6 ประเภท
ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ รถยนต์และชิ้นส่วน
รถยนต์-ยาง ธนาคาร และบริษัทเงินทุน




เนฟฟ์………….  เริ่มพบว่านักลงทุนไม่ค่อยสนใจข้อมูลข่าวสาร
แต่มุ่งเน้น………………  รายได้และกำไรจากส่วนต่างของราคา
เขา…………….. จึงพยายามคิดค้นวิธีสรุปข้อมูล
รายงานแบบสถิติ คล้ายกับรายงาน Value Line
เพื่อใช้ประโยชน์ในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุน
ซึ่งถือว่าเป็นวิธีฝึกฝนตนเองอย่างดีเยี่ยม




งานในฐานะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของ เนฟฟ์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จอห์น เนฟฟ์ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ค้นหาวิธีนำเสนอข้อมูลของบริษัท เป้าหมายแบบสั้นๆ
ประกอบด้วยแผนภูมิสีบนกระดาษแผ่นเดียว
แสดงแต่เฉพาะข้อมูลที่สำคัญ ทำให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานอย่างมาก




ปี 1963 หลังจากทำงานที่ธนาคารมาได้ 8 ปี
เนฟฟ์ ก็ย้ายงานไปเป็นผู้วิเคราะห์ตราสารทุน
ที่กองทุน Windsor ของบริษัท Wellington Management
ซึ่งผลประกอบการในเวลานั้น…………..  อาการกำลังย่ำแย่




จอห์น เนฟฟ์ ได้วิเคราะห์ว่า…
ความเสียหายของกองทุน Windsor ในขณะนั้นมาจาก
การลงทุนในบริษัทขนาดเล็กที่คิดว่าจะเติบโตดีเป็นจำนวนมาก
โดยไม่ได้วิเคราะห์ให้ดีเกี่ยวกับระยะเวลา  หรือความยั่งยืนในการเติบโต
โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 22.8%
ในขณะที่ผลตอบแทนของ Windsor ลดลงกว่า 10%




บรรดาตัวแทนจำหน่ายจึงพากันเรียกร้องให้หา………..  วิธีการบริหารกองทุนที่ดีขึ้น
จอห์น เนฟฟ์ จึงได้เริ่มต้นการทำงานกับกองทุน Windsor ในฐานะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
เขาพบว่าพอร์ตการลงทุนของ Windsor เต็มไปด้วยหุ้นหวือหวาที่นิยมซื้อขายกันในระยะสั้นๆ
ซึ่งหุ้นจำนวนมากกลายเป็นขยะในตลาด
เช่น ถ้าอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยีอยู่ในกระแส ก็นิยมซื้อหุ้นกลุ่มนี้
เมื่อราคาน้ำมันสดใส ก็หันมาซื้อหุ้นน้ำมัน  ซึ่งไร้….. กลยุทธ์การลงทุน อย่างสิ้นเชิง




เนฟฟ์ จึงได้นำเสนอวิธี “วิเคราะห์ภาพรวม” ทำให้เห็นว่า…
• กองทุน Windsor ในขณะนั้น ลงทุนในหุ้นอุตสาหกรรม 41 บริษัท
แต่มีเพียง 8 บริษัทเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ
• คาดการณ์กำไรสูงเกินไป จากการประมาณการเติบโตที่มากเกินไป
• ไม่มีวิธีป้องกัน หรือลดการขาดทุน จากการขายหลักทรัพย์ได้ในราคาไม่ดี




ผลประกอบการของ Windsor ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
แต่มองเห็นแนวทางและสถานการณ์ของกองทุนชัดเจนขึ้น
ภายใน 11 เดือนต่อมา
จอห์น เนฟฟ์ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น
ผู้จัดการกองทุนคนแรกของ Windsor  ที่ทำงานคนเดียว
โดยเขาขอให้มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ 1 คนที่คอยสนับสนุน




จอห์น เนฟฟ์ เริ่มบริหารกองทุน โดยแบ่งการลงทุนเป็นหุ้น 2 กลุ่ม คือ
• หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทที่มั่นคง
และมีอัตราการเจริญเติบโตในระดับสูง ธุรกิจ
เหล่านี้มักให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย
และแนวโน้มผลประกอบการและเงินปันผลจะเติบโตได้ยาวนาน




และสอง     หุ้นอุตสาหกรรมพื้นฐาน (Basic Industry Stocks)
ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทที่มีส่วนสำคัญในการเติบโตระยะยาวของเศรษฐกิจประเทศ
ถ้าเลือกลงทุนในเวลาที่เหมาะสม
ได้รับผลตอบแทนที่ดี…………..  ในระยะยาว




จอห์น เนฟฟ์ ได้บริหารกองทุนนี้ในช่วงทศวรรษ 1960 – 1990
และเกษียณอายุจากการทำงานในปี ค.ศ. 1995
ตลอดระยะเวลา 31 ปี เขาสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงถึง 13.7% ต่อปี
เทียบกับอัตราผลตอบแทนจากดัชนี S&P 500 ซึ่งเท่ากับ 10.6% ต่อปี




จอห์น เนฟฟ์ ได้รับการกล่าวขวัญว่า… เป็นผู้ยึดมั่นสไตล์การค้นหาหุ้นโดยใช้ P/E ต่ำ
(อัตราส่วนราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท) เป็นหลัก
นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องเลือกหุ้น
ที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ อัตราการเติบโตของกำไรดี




จอห์น เนฟฟ์ ยังชอบลงทุนแบบ………………………
สวนทาง………………  กับนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด (Contrarian Investor)
คือ  จะขายหุ้นออกมาเมื่อ…..ตลาดขึ้น และซื้อหุ้น……เมื่อตลาดลง
จนบางคนก็เรียกจอห์น เนฟฟ์  ว่า… ……………
เขาเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า……….อย่างสุดโต่ง   (Hard Core Value Investor)


ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
http://www.pranippan.com/new/board/index.php?showtopic=847

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น