ads head

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หนี้เป็นพิษ

หนี้เป็นพิษ
Read more at : http://www.thorfun.com/story/view/UNUiTa7rWTxCAA06#ixzz2Ge5qjhLt
เงินเดือนเป็นแสนแต่เกือบต้องติดคุกเพราะเป็นหนี้ เกือบต้องเสียเพื่อนเพราะหนี้ หนี้ก้อนโตจึงเป็นเครื่องกัดกร่อนความมั่งคั่งตัวฉกาจที่สุด และยังเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อน หรือคนสนิท หรือแม้แต่ญาติด้วยกันเอง มีข่าวทำร้ายร่างกายหรือทวงหนี้ด้วยวิธีโหดร้าย มีบางกรณีฆ่าตัวตายหนีหนี้ ฆ่าเพื่อน ฆ่าญาติ ฆ่าพี่น้องที่คลานตามกันมา ต่อไปนี้คือเรื่องราวหนี้เป็นพิษที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตผม
หนี้เป็นพิษ
   เล่าย้อนอดีต ผ่านการเรียนประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ผมมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการเงินน้อยมาก หรือ จะเรียกได้ว่าไม่มีความรู้เรื่องการเงินเลยก็ว่าได้ เข้าใจว่าหลังเรียนจบต้องขยันทำงานจึงจะมีเงินมีทอง หลังจากเรียนจบแพทย์ เริ่มมีเงินเดือน รู้สึกว่ามีเงิน เห็นคนอื่นมีอะไร เราก็อยากได้ไปหมด เครื่องเสียง รถยนต์ บ้าน หรือที่ดิน อยากได้ไปหมด ผมซื้อแหลกกกกก... ไม่ มีเงิน ก็กู้ธนาคาร ธนาคารก็ใจดีให้กู้ เริ่มรู้จักบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ไปขอธนาคารไหนก็ได้ ไม่ไปขอ  ธนาคารเองก็มาเสนอให้ เพราะมีเงินเดือนสูง ในกระเป๋าสตางค์ไม่มีเงินสด มีแต่บัตร  สารพัดบัตร  รูดปรื๊ดๆๆๆ....
     5 ปี แรกของการทำงานจึงเต็มไปด้วยหนี้  สารพัดหนี้  ผมเป็นหนี้รวมยอดหนี้เกือบ 3 ล้านบาท ยิ่งช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ดอกเบี้ยการกู้ยืมสูงปรี๊ด... ยิ่งดอกเบี้ยคงค้างของบัตรเครดิต และดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด สูงขึ้นไปเกือบ24% ดอกเบี้ยการกู้ยืมซื้อบ้าน ซื้อที่ดินสูง 15%  แม้ว่าผมจะเป็นหมอที่ขยันทำงานเป็นที่สุด ขยันมากกว่าใครๆ เงินเดือนและเงินโอที ที่ได้มาแทบไม่พอจ่ายดอกเบี้ย บางเดือนไม่เพียงพอ หนี้ของผมแต่มันคือทรัพย์สินของธนาคาร
   หากดอกเบี้ยธนาคาร 15% หากไม่ชำระเลย พลังดอกเบี้ยทบต้นจากเงิน 3 ล้านบาท จะกลายเป็นเงิน 6 ล้านบาท
   หากดอกเบี้ย ร้อยละ24%   เงินที่ผมกู้ยืมมา 3 ล้านบาท หากผมไม่ชำระเลย 5ปี พลังดอกเบี้ยทบต้น จะทำให้เงินที่กู้ยืมมา 3 ล้านบาทจะกลายเป็น  9 ล้านบาท โอ้ววว แม่เจ้า...นี่มันปล้นกันชัดๆ
  ผมตกอยู่ในวังวนของหนี้ เมื่อจนตรอก สิ้นเดือนถึงเวลาชำระหนี้  เงินเดือนเป็นแสนก็ไม่พอชำระ เพราะหนี้ส่วนใหญ่ของผมเป็นหนี้ระยะสั้น การหมุนหนี้จึงเกิดขึ้น ผมกดบัตรเครดิต ไปใส่บัตรกดเงินสด กดจากบัตรกดเงินสดไปชำระเงินกู้โอดีของแบงค์ เงินหมุนไปๆ หนี้หมุนมาๆ นานเข้าหนี้ก้อนโตพอกพูน ดอกเบี้ยเร็วกว่าดอกไม้ชนิดใดๆที่ผมเคยเห็นในโลก
   ในที่สุดแพทย์ที่ขยันที่สุด ทำงานหนักที่สุด ได้เงินเดือนสูงกว่าใครๆ ต้องถูกฟ้องคดีเช็คเด้ง(เช็คเด้งเป็นคดีอาญา หากแพ้คดีก็ต้องติดคุก) ขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะเรื่องหนี้ แม้ผมจะมีเพื่อนเป็นทนายที่เก่ง แต่มันเป็นประสบการณ์ที่แย่มากๆ มันบั่นทอนจิตใจ มันบั่นทอนอะไรหลายๆอย่าง มันทำให้ผมขาดอิสรภาพที่จะทำอะไรๆอยากทำหลายอย่างในชีวิต
       
 สรุปแล้วผมติดบ่วงหนี้อยู่เกือบ10ปี
      ยามยากลำบาก  ผมหันหน้าไปยืมเงินใครล้วนแต่ถูกปฏิเสธ แต่ไม่ได้โกรธ เพราะรู้ว่าในสภาพตอนนั้น ใครๆก็คงยากลำบากเหมือนกัน มีเพื่อนบางคนที่ให้ผมยืมเงิน แต่เนื่องจากจำนวนไม่มาก และผมก็พยายามใช้จนหมด แต่ก็เกือบจะแย่ เกือบต้องเสียเพื่อนดีๆไป
   ผมนึกย้อนกลับไป เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เพื่อนและคนรู้จักไม่ให้ผมยืมเงินใน วันนั้น หรือให้ผมยืมแต่ปริมาณน้อย  เพราะหากพวกเขาให้ยืมจำนวนมากๆ  ป่านนี้ผมคงเสียเพื่อน เสียคนที่รู้จักคุ้นเคยไปแน่ๆ เพราะให้ผมยืมมา ผมต้องผิดนัดชำระหนี้แน่ๆ และเมื่อผิดนัดชำระหนี้ เพื่อนก็คงไม่กล้าทวงหนี้ผม ผมเองก็ไม่กล้ามีหน้าไปพบเพื่อนเพราะผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อน  สัมพันธภาพที่อุตส่าห์สร้างมาตั้งหลายปีต้องมีอันสะบั้นไป
        ผมเองประสบ หรือได้รับทราบเรื่องราว ของผู้คนที่จบการศึกษาแล้วเริ่มทำงานใหม่ๆ ต่างตกเป็นหนี้ ติดอยู่ในบ่วงหนี้ ทำให้ชีวิตไม่ก้าวหน้า หรือบางคนเสียคนไปก็มี  ผมเองก็หลงเดินวนไปวนมาในเขาวงกตแห่งหนี้ กว่าจะหาทางออกเจอ

   หนี้ก้อนโตจึงเป็นเครื่องกัดกร่อนความมั่งคั่งตัวฉกาจที่สุด และยังเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อน หรือ คนสนิท หรือแม้แต่ญาติด้วยกันเอง มีข่าวทำร้ายร่างกายหรือทวงหนี้ด้วยวิธีโหดร้าย มีบางกรณีฆ่าตัวตายหนีหนี้  ฆ่าเพื่อน ฆ่าญาติ ฆ่าพี่น้องที่คลานตามกันมาก็มีให้เห็นในข่าวบ่อยๆ
  ผมอดทนทำงานอย่างหนักลดละเลิกสิ่ง ฟุ่มเฟือยทุกชนิด ประหยัดสุด ทำงานหนักสุดๆผมเคยอยู่เวร24ชั่วโมงทุกวันติดต่อกันเป็นเดือน เพื่อหาทางใช้หนี้ มีอะไรที่พอจะขายได้ ทรัพย์สินส่วนเกิน ผมขนไปขายหมด ขายแม้กระทั่งเครื่องประดับ สร้อยคอ กำไร แหวนที่ผมซื้อให้ภรรยาวันแต่งงาน สร้อยทองที่เป็นของขวัญของลูกสาวที่ได้รับมาตอนเกิดจนในที่สุดผมปลอดหนี้ทุก ชนิดตอนอายุ39ปี เป็นวันที่ผมปลอดโปร่งโล่งสบายที่สุด เหมือนยกภูเขาออกจากอก นี่กระมังที่เขากล่าวว่า ไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ
  ผมปฏิญาณไว้กับตัวเองและครอบครัวว่าจะไม่ยอมเป็นหนี้ใคร ไม่กู้ ไม่ยืมเงินใครเด็ดขาด  บัตร เครดิตที่มีเพียงใบเดียว ก็ขอลดวงเงิน เอาไว้ใช้เท่าที่จำเป็นและจ่ายเงินคืนเต็มจำนวนทุกครั้ง ทุกเดือน ไม่เหลือค้าง ส่วนใหญ่การใช้จ่ายเป็นเงินสด
  และเช่นเดียวกันผมและครอบครัวปฏิญาณว่าจะไม่ยอมให้ใครยืมเงินเด็ดขาด ไม่ยอมไปค้ำประกันให้ใครๆทั้งสิ้น  ไม่ใช่ไม่มีน้ำใจ แต่ผมไม่อยากเสียเพื่อนรัก ไม่อยากเสียสัมพันธ์อันดีกับญาติ หรือคนสนิทไป
    ผมและภรรยาจึงสอนลูกไม่ให้เป็นหนี้ และไม่ยอมให้ใครยืมเงิน ปฏิเสธที่จะค้ำประกันใครๆทั้งสิ้น มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย บางคนต้องติดคุก หรือต้องเป็นหนี้เพิ่มจากการค้ำประกันให้คนอื่น
   ฟังดูเหมือนคนใจร้าย ไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนต่อญาติ  แต่ผมและครอบครัวจะใช้วิธีหากเพื่อน หรือญาติตกระกำลำบากจริงๆ
ผมให้เลย ให้เท่าที่จะให้ได้ ให้ในจำนวนที่ไม่เดือดร้อน ให้พอที่เขาจะประทังชีวิตได้ เช่นค่าอาหาร ค่ายาเมื่อเจ็บป่วย ให้แล้วไม่ต้องเอามาคืนผม  ผมให้ได้แค่นั้นจริงๆ
  ลูกสาวสองคนก็เช่นกัน หากเพื่อนขอยืมสตางค์ ผมสอนลูกให้เขาปฏิเสธไปเลย เขาถามว่าหากเพื่อนลืมเอาเงินมาโรงเรียนแล้วมาขอยืมเงินไปกินข้าว หนูจะทำอย่างไร  ผมบอกว่าหากเกิดกรณีอย่างนี้ หนูก็เลี้ยงข้าวเพื่อนเลยสิ ไม่ต้องให้ยืมแต่เลี้ยงข้าวเพื่อนไปเลยจะได้สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าเพื่อนจะคืนเงินหรือไม่
   ทุกวันนี้ชีวิตของผมและครอบครัวปลอดหนี้  ไม่ยอมเป็นหนี้ใคร และไม่ยอมให้ใครเป็นหนี้
                                               นพ.ชาญชัย กิจประเสริฐ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น