ads head

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การลงทุนแบบดันโด(3)

“ตามรอยวิถีเซียนลงทุน: การลงทุนแบบดันโด(3)”

ดร.กฤษฎา เสกตระกูล, CFP

      สําหรับตอนนี้ จะเปนตอนสุดทายเกี่ยวกับการลงทุนแบบดันโด ผมจะสรุปและตีความเกี่ยวกับกลยุทธการลงทุนแบบดันโดตอจากตอนที่แลว อยางไรก็ตาม  ถาสังเกตใหดีกลยุทธเหลานี้เปนกลยุทธใหหาหุนเพื่อเขาซื้อ โดยโมนิช พาไบรไดนําเสนอเพิ่มเติมดวยวา... ในวิถีแหงดันโดจะตองเรียนรูกลยุทธการขายหุนดวยจึงจะครบถวน ซึ่งเปนประเด็นที่เราจะทิ้งทายกันในบทความนี้

•  มองหาโอกาสการทําอารบิทราจ
      การทําอารบิทราจ(Arbitrage)  คือ ความพยายามหาผลกําไรจากราคาที่แตกตางกันของสิ่งของแบบเดียวกันหรือคลายกัน แตผมขอปรับใชในภาษางายๆ วา “ซื้อถูก ขายแพง” สําหรับของที่ซื้อขาย ไมวาจะอยูในตลาด(สถานที่) เดียวกันหรือตางกัน หรือในเวลาเดียวกันหรือตางกันก็ตาม การซื้อถูกขายแพงจะไดสวนตางราคา ซึ่งคนที่ทําคนแรกๆก็จะไดสวนตางราคามาก คนที่เขามาทีหลังก็จะไดนอยลงไปเรื่อยๆ การทําอารบิทราจจะจบสิ้นลงเมื่อสวนตางราคานี้หมดไป

      การซื้อโมเต็ลมาบริหารของ ปาปา พาเทล และมณีลาล ชอธุรี พวกเขาทําใหตนทุนการดําเนินงานต่ําลงและอัตราเขาพักที่สูงขึ้น(เพราะลดราคาลงได) เมื่อเกิดชองวางระหวางพวกเขากับคูแขง ทําใหเกิดสวนตางราคาได สวนตางราคานี้ ในกรณีโมเต็ลจะใชเวลานานมาก(บางกรณีก็เร็วมาก) ถึงแมวาสุดทายแลว สวนตางนี้จะหมดไป แตพวกเขาก็ไดรับกําไรกันไปจนมากพอแลว

      กรณีของริชารด แบรนสัน การทําอารบิทราจก็คือ การออกสินคาและบริการที่แปลกใหม แมชองวางนี้จะลดลงในภายหลังเมื่อคูแขงลอกเลียนแบบ แตมันก็อาจใชเวลานาน

      สวนกรณีของลักษมี มิตทาล เขาทําอารบิทราจโดยสรางความไดเปรียบโดยเขาซื้อสินทรัพยราคาถูก แตนํามาสรางความไดเปรียบอันยั่งยืนอยางที่สองขึ้น โดยบริหารใหเกิดประสิทธิภาพ ทําใหตนทุนต่ําลง และสรางความไดเปรียบอยางที่สาม คือ ทําแบบนี้กับธุรกิจเหล็กที่ซื้อมาทั่วโลกจนมีเครือขายและแบรนดที่เขมแข็ง

•  มีสวนเผื่อเพื่อความปลอดภัยเสมอ
สวนเผื่อเพื่อความปลอดภัย(Margin of Safety) หมายถึง สวนที่เราสํารองเอาไวระดับหนึ่งเพื่อใหสบายใจวาเกิดอะไรขึ้นมาเราจะยังไมเปนไร มนุษยสวนใหญจะชอบถามีสวนนี้ ตัวอยางเชน การออมเพื่อกันไววาอาจมีเหตุฉุกเฉินซึ่งถาเหตุนั้นเกิดขึ้น เราก็จะดึงเงินออมนั้นออกมาใช ยิ่งระดับเงินออมนั้นสูงขึ้น เราก็จะยิ่งสบายใจ

      ในการทําธุรกิจหรือลงทุนในหุน วิถีแหงดันโดก็สอนใหมีสวนเผื่อเพื่อความปลอดภัยเสมอ แลวเราจะทําไดอยางไร?  การลงทุนแบบดันโดแนะนําวาให “ซื้อธุรกิจในราคาที่ต่ํากวามูลคาที่แทจริงอยางมาก”  เมื่อใดมีโอกาสใหทําแบบนี้ เพราะการเขาซื้อในราคาต่ํา ทําใหเรากลัวนอยลงเวลาราคาลดลงกวาเดิม  และที่จริงแลวเรากําลังควบคุมความเสี่ยงได เนื่องจากโอกาสที่ราคาจะลดลงกวานี้มันมีนอยลงแลว(เพราะวาราคาลดลงมามากแลว) และถาโอกาสที่ราคาจะขึ้นมีมากกวา ก็แปลวาเรามี โอกาสไดรับผลตอบแทนสูงมีมากขึ้น

      แนวคิดสวนเผื่อเพื่อความปลอดภัยนี้มีความสําคัญมาก เพราะเปนการเขาหาโอกาสของเหตุการณที่มีความเสี่ยงต่ํา แตใหผลตอบแทนสูง ในขณะที่โรงเรียนธุรกิจชั้นนําสวนใหญพร่ําสอนวา “ความเสี่ยงต่ํา ผลตอบแทนก็จะต่ํา ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็จะสูง” ถาลองสังเกตเรื่องราวของปาปา พาเทล, มณีลาล ชอธุรี, ริชารด แบรนสัน, ลักษมี มิตทาลหรือแมแตเบนจามิน เกรแฮม และวอรเรน บัฟเฟตต ทุกคนตางใชแนวคิดนี้ คือ จํากัดความเสี่ยงใหเหลือนอยที่สุดและการขยายผลตอบแทนใหมากที่สุด ซึ่งหัวใจสําคัญ คือ การรอคอยอยางอดทน ในชวงเขาซื้อและขาย

•  ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ํา แตมีความไมแนนอนสูง

      โมนิช พาไบร อธิบายวาการซื้อโมเต็ลของปาปา พาเทล ไมไดมีความเสี่ยงมากมายอะไรเลย  ในขณะที่ผลลัพธที่จะเกิดขึ้นมีความไมแนนอนสูงมาก ถาราคาน้ํามันอยูในระดับสูงอยางตอเนื่อง หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยไมจบลงเสียทีถาวิเคราะหดูไมวากรณีไหน ปาปา พาเทล ก็จะยังคงมีตนทุนต่ําตอใหสถานการณมืดมนเขาก็ยังอยูได แตถาเศรษฐกิจรุงเรือง และราคาน้ํามันไมแพงไปตลอด  เขาก็จะไดรับผลตอบแทนอยางงาม นี่แหละแนวคิดของนักลงทุนดันโด ที่วา“ออกหัวผมไดเงิน ออกกอยผมเสียเงินนิดหนอย”

•  ลงทุนในพวกลอกเลียนแบบ ไมใชพวกสรางสรรคสิ่งใหมๆ
      การลงทุนแบบดันโดไมไดบอกวาธุรกิจสรางสรรคสิ่งใหมๆ ไมดี แตพวกเขาไมสนใจมัน พวกเขาสนใจธุรกิจที่มีอยูแลวและพัฒนาความคิดตอยอดออกไป(ที่จริงผมมองวาเปนการสรางสรรคชนิดหนึ่ง แตพวกดันโดเรียกวา “การลอกเลียนแบบ”) การทําเชนนี้มีความเสี่ยงต่ํากวาและใหผลตอบแทนดีกวา

      การซื้อโมเต็ลของปาปา พาเทล ก็เขาไปในธุรกิจที่มีอยูแลว พวกเขาลอกเลียนแบบในการทําธุรกิจ แตมาตอยอดดวยการควบคุมตนทุนใหต่ําลง ตัวอยางธุรกิจMicrosoft ของบิล เกตส และพอล อัลเลน ก็ไมใชพวกสรางสรรคสิ่งใหมในสายตาของชาวดันโด แตเปนผูพัฒนาตอยอดความคิดไดดีเยี่ยม

      ตามประวัติในป1980 เขาไดขอตกลงทางธุรกิจกับIBM  ในการพัฒนาระบบปฏิบัติการMS-DOS ใหแกเครื่อง PC  ของIBM ที่กําลังจะวางตลาด ที่จริงแลวในขณะนั้นMicrosoft ไมมีระบบปฏิบัติการของตนเอง

      แตเพื่อใหทันสงมอบ เขาไปซื้อระบบปฏิบัติการQuick and Dirty Operating System (QDOS)  จากบริษัทขนาดเล็กชื่อSeattle Computer  ในราคา50,000 ดอลลาร และพัฒนาเปนMS-DOS
อันโดงดัง ทําใหMicrosoft เติบโตแบบกาวกระโดด แมแตระบบMicrosoft Office เชนExcel ก็พัฒนามาจากLotus 1-2-3 และVisiCalc สวนWord ก็มาจากWord Perfect และPower point ก็พัฒนามาจากบริษัทซอฟทแวรขนาดเล็กในซานฟรานซิสโก เปนตน วิถีแหงดันโดจึงเนนใหมองหาธุรกิจที่มีผูบริหารที่เกงกาจ เรื่องการหยิบยืมแนวคิดจากที่อื่นแลวนํามาตอยอด

ศิลปะการขายหุน: การตีฝาออกจากจักรพยุหะ

      วิถีแหงดันโดไมไดสอนเฉพาะกลยุทธการเขาซื้อหุน9 อยางตามที่อธิบายมาในบทความ2 ตอนที่แลว แตแนะนําดวยวาตอนขายหุนออกก็ เปนศิลปะดวย

      โมนิช พาไบร ยกตัวอยางจากวรรณกรรมคลาสสิคของอินเดีย “มหาภารตะยุทธ” ซึ่งเปนการสูรบของ2 ตระกูลระหวางตระกูลเการพและตระกูลปาณฑพ ฝายเการพไดคิดกลศึกที่เรียกวา “จักรพยุหะ” ขึ้น โดยกองทัพจะจัดรูปแบบเปนวงกลมซอนกันเปนชั้นๆ เหมือนกงจักร ทําลายไดยาก และสรางความเสียหายแกตระกูลปาณฑพเปนอยางมากมีแมทัพฝายปาณฑพคนหนึ่งชื่อ อภิมันยุ อาสายกทัพเขาไปตีจักรพยุหะนี้ เพราะรูวิธีฝาเขาไป ซึ่งเรื่องนี้ตองยอนหลังไป16 ป ระหวางที่อภิมันยุยังอยูในครรภมารดา เจาหญิงสุภัทรานองสาวของพระกฤษณะ เคยฟงพระกฤษณะเลาเรื่องจักรพยุหะใหแกมารดาของตน โดยเลาถึงวิธีตีเขาไปในพยุหะ แตเมื่อพระกฤษณะจะเลาตอถึงวิธีตีออกมาจากพยุหะมารดาของอภิมันยุเกิดงวงนอน อภิมันยุจึงไดฟงเฉพาะวิธีตีเขา เมื่อเผชิญกับจักรพยุหะจริงๆ และเปนความคับขันของ
ตระกูลปานฑพ อภิมันยุจึงอาสาตีฝาเขาไปซึ่งก็ทําไดดี แตเนื่องจากไมรูวิธีตีออก อภิมันยุจึงตองตอสูกับนักรบฝายตรงขามอีก9 คนจนบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่สุด

      เรื่องนี้คลายกับการตัดสินใจของนักลงทุน การตัดสินใจฝาเขา เดินทะลุ และออกจากพยุหะก็เหมือนการตัดสินใจซื้อ ถือ และขายหุนนั่นเอง เรื่องของอภิมันยุใหบทเรียนวา... กอนจะซื้อหุนเราตองมีแผนการขายหุนอันชัดเจนซึ่งนักลงทุนสวนใหญมักจะตัดสินใจคลายกัน กลาวคือ เขาซื้อหุนในราคา100 บาท เวลาตกลงไปเหลือ80 บาท พวกเขาจะรูสึกไมสบายใจ รีบขายหุนออกไปซึ่งขาดทุน และมองหาหุนตัวใหม เปรียบเสมือนเขาไปในจักรพยุหะ เพราะอยากไดรางวัลตรงใจกลาง แตตองจบชีวิตลงในที่สุด

แผนการขายของดันโดก็คือ
      1)  ไมควรรีบขาย วิถีแหงดันโดเสนอใหถือหุนอยางนอย2-3 ป เหตุผลเพราะธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเปนวัฏจักร แมระยะสั้นจะไดรับผลกระทบทางลบ แตเราควรใหเวลาธุรกิจปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลง
ระยะหนึ่ง

      2)  เราสามารถหามูลคาที่แทจริงในปจจุบันและในอีก2-3 ป ของหุนตัวนี้ไดอยางมั่นใจ
      3)  ราคาเสนอซื้อ(หรือ ราคาขายของเรา) ตองสูงกวามูลคาที่แทจริงที่เราคํานวณได หรือเราไมควรขายขาดทุนถาไมจําเปน

แผนการขายนี้สอดคลองกับกฎเหล็ก2 ขอ ของวอรเรน บัฟเฟตต คือ...
      กฎขอ1 : อยาขาดทุน
      กฎขอ2 : อยาลืมกฎขอ1


      นอกจากนี้ โมนิช พาไบร ยังมองวา... เราควรจัดพอรตโฟลิโอแบงมุงเนน โดยมีหุนที่เขาขายวิถีแหงดันโดเทานั้นเปรียบเสมือนการตอสูกับจักรพยุหะเพียงทัพเดียว โดยหาโอกาสที่ไมเกิดขึ้นบอย แตเมื่อเกิดขึ้นก็ลงทุนใหหนัก จะทําใหเราเปนนักลงทุนดันโดที่ประสบความสําเร็จ บรรลุตามแนวคิด “ออกหัวผมไดเงิน ออกกอยผมเสียเงินนิดหนอย(หรืออาจจะไดเงินนิดหนอยก็ได)” ถาสไตลแบบนักลงทุนดันโดเปนสไตลที่คุณชอบ ก็ขอใหลงทุนแบบนี้ตอไป ขอใหนักลงทุนทุกทานโชคดีครับ

******************************************************************
ติดตามบทความเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนที่นาสนใจอื่นๆ ไดที่ www.tsi-thailand.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น