ads head

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คาร์ล ไอคาห์น “เจ้าแห่งนักล่าบริษัท” ตอนที่ 1

คาร์ล ไอคาห์น “เจ้าแห่งนักล่าบริษัท” ตอนที่ 1


สวัสดีครับ เพื่อนๆ  พี่ๆ เฟสบุ๊ค
หลังจากที่เราเคยคุยเกี่ยวกับ “กูรูนักลงทุน” ไปหลายคน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “กูรูนักลงทุน” สายวีไอ หรือ นักลงทุนที่เน้นคุณค่า
ซึ่งก็คือ “นักลงทุน” ที่ลงทุนในบริษัทชั้นยอด และถือหุ้นเป็นเวลานานๆ
แต่วันนี้  ผมจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ “นักลงทุน” ประเภท “นักล่าบริษัท”
ในตอน  คาร์ล ไอคาห์น  “เจ้าแห่งนักล่าบริษัท”  ตอนที่ 1



ไอคาห์น เติบโตขึ้นที่เมือง Far Rockaway,  เมืองนิวยอร์ค
เขาจบปริญญาตรีทางด้านปรัชญา ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน
และต่อมาเขาก็ได้เข้าไปศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค
แต่เขาเรียนไม่จบ..  และไม่เคยคิด..  จะอยากกลับไปเรียน “หมอ” อีกเลย



ไอคาห์น   เริ่มทำงานในวอลล์สตรีท ในปี 1961
ในปี 1968   เขาก็ตั้งบริษัทของตนเอง
โดยใช้ชื่อว่า  “ไอคาห์น แอนด์ โค”
ในปี 1978   บริษัทเขา…ก็เริ่มคิดที่จะเข้าไป “ซื้อกิจการ”



บริษัทที่เขาไปซื้อ  หรือเข้าไป “ครอบงำกิจการ” มีมากมาย เช่น
RJR Nabisco  เจ้าของบุหรี่ยี่ห้อ  “Winston”
Western Union  บริษัทโอนเงินระหว่างประเทศ
Marvel Comics  เจ้าของการ์ตูน  Spider Man
Time Warner  เจ้าของนิตยสารชื่อดัง “TIME”



ในปี 1985    ไอคาห์น ได้เข้าไปซื้อกิจการสายการบิน “TWA”
โดยเขาเข้าซื้อบริษัทในรูปแบบการเป็นปริปักษ์กับ   “เจ้าของเดิม”
ไอคาห์น ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับคนที่ทำธุรกิจกับเขาอยู่บ่อยๆ
เขามีชื่อเสียงในเรื่อง  “การต่อรองอย่างสุดโหด”
และจะทำทุกอย่างเพื่อ “เอาชนะ”   และได้  “กิจการที่เขามุ่งหวัง” มาครอง



ไอคาห์น  มักจะได้สมญานามว่า   “เจ้าแห่งนักล่าบริษัท”
คาดว่า ไอคาห์นมีทีมงานมากกว่า 20 คน
ที่จะช่วยเขาในการแสวงหา  “บริษัทเป้าหมาย”
พร้อมที่จะทำสงครามเพื่อ  “การครอบครองบริษัท”
และพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ได้  “บริษัทเป้าหมาย”  มาครอบครอง



ไอคาห์น  จะวางกลยุทธ์ให้บรรดาลูกน้องของเขาก่อน
โดยมุ่งแสวงหา..
…บริษัทที่บริหารงานแย่ๆ
…บริษัทที่มีราคาหุ้นต่ำกว่า “มูลค่าที่แท้จริง” ของมัน
…บริษัทที่มี  “ราคาหุ้นตกเป็นอย่างมาก” ในช่วงที่ตลาดโดยรวมตกต่ำ



เมื่อทุกคนเริ่ม “ขายหุ้น”   ก็จะเป็นเวลาที่ ไอคาห์น เริ่ม… “ซื้อหุ้น”
วิธีที่  “ไอคาห์น” ใช้   จะไม่เหมือนกับวิธีที่ “คนทั่วไป”  ใช้
เขาจะเริ่มสะสมหุ้นของ “บริษัทเป้าหมาย” อย่างเงียบๆ
และเมื่อเขาสะสมหุ้นจนได้จำนวนมากเพียงพอแล้ว
ไอคาห์น ก็จะแสดงตนเป็น “ผู้ถือหุ้นจำนวนมาก”
และขอสิทธิในการเป็น  “กรรมการบริษัท”



หลังจากที่เขาได้เป็นกรรมการบริษัท แล้ว
ไอคาห์น…  ก็จะเริ่มหาทาง “ถอดถอน”  CEO คนปัจจุบัน
และยังมองไปไกลถึงการถอดถอน  “ผู้บริหารทั้งคณะ”
วิธีการที่ ไอคาห์น มักจะใช้บ่อยๆ นั่นคือ..
“การขู่” ให้ผู้บริหารเหล่านี้ลาออกเองเสียก่อน



หากบรรดาผู้บริหารเหล่านี้ ยังไม่ลาออก
ไอคาห์น ก็มักจะใช้วิธีรวบรวมเสียงของ “ผู้ถือหุ้นรายย่อย”
และพยายามแสดงตนว่า ตนเองเป็น “ตัวแทน” ของบรรดาผู้ถือหุ้นรายย่อย
ออกมากล่าวหาว่า “คณะผู้บริหาร” บริหารงานได้อย่างไร้ประสิทธิภาพ
ไอคาห์น ได้ปลดผู้บริหารมานักต่อนัก ไม่ว่าเรื่องที่กล่าวหาจะเป็น “ความจริง” หรือไม่ ?



ในปี 2006   ไอคาห์นได้บีบ….
Richard Parsons  ซึ่งเป็น CEO ของ Time Warner ออกจากตำแหน่งมาแล้ว
หลังจากทาง Parsons ลาออกจากตำแหน่งไป
ก็ได้นำไปสู่การแยกธุรกิจบางส่วนของ Time Warner ออกมา
และแยกขายออกมา   เพื่อสร้างผลกำไรให้เขา…  อย่างมหาศาล



เรื่องราวของ  “คาร์ล ไอคาห์น” จึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ
นักลงทุนสายวีไอ ไม่ว่าจะเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์  หรือ ฟิลิปส์ ฟิชเชอร์
บางคนอาจจะบอกว่า…  “ไอคาห์น…   เป็นคนเห็นแก่ตัว”
บางคนอาจจะบอกว่า…  “ไอคาห์น…   เป็นคนเอาเปรียบ”
บางคนอาจจะบอกว่า…  “ไอคาห์น…   เป็นตัวโกง”



หลายคนอาจนึกถึง  คนที่ชื่อว่า…
“GORDON GECKO”  ที่แสดงเป็นนักล่าบริษัทตัวยง
ในภาพยนต์เรื่อง “Wall Street”  ที่แสดงโดย ไมเคิล ดักกลาส
แต่เรื่องราวของ ไอคาห์น  ที่เรากำลังคุยกันถึงนี้
เป็นเรื่องจริง…    ที่ไม่ใช่ภาพยนตร์



เรื่องนี้…ในวันนี้  ยังคงไม่จบ…
พรุ่งนี้..  เราจะคุยกันต่อในเรื่องของ
คาร์ล ไอคาห์น  “เจ้าแห่งนักล่าบริษัท” ตอนจบ
และเรา…   จะไปดูกันว่า
ไอคาห์น…   เขาจะล่าบริษัทที่เขา “อยาก…ล่า”   อย่างไร ?  


ข้อความนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย :
ที่มา http://www.doctorwe.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น