ads head

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

กระทิงแดงไทย กับการตลาดยุคโลกาภิวัฒน์


กระทิงแดงไทย กับการตลาดยุคโลกาภิวัฒน์


ประวัติคุณเฉลียว อยู่วิทยา

คุณเฉลียว อยู่วิทยา หรือ “โกเหลียว” เจ้าของกิจการเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดง มีพื้นเพมาจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน คุณเฉลียวเกิดที่บ้านเขารูปช้าง ตำบลหัวดง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2465 ปัจจุบันมีอายุได้ 84 ปี เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนบุตรทั้งสิ้น 5 คน บิดาของคุณเฉลียวคือนายเช่ง แซ่สี่ หรือสี่เซ่ง (อยู่วิทยา) และมารดาคือนางทองอยู่ ซึ่งบิดาของคุณเฉลียวว่ากันว่าเป็นชาวจีนไหหลำ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าอพยพจากจีนมายังเมืองไทยเมื่อใด หรือเกิดในเมืองไทยกันแน่ ทราบแต่เพียงว่ามารดาของคุณเฉลียวคือนางทองอยู่มีพื้นเพดั้งเดิมเป็นคน ไทยอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี


ครอบครัวของคุณเฉลียวเป็นครอบครัว ที่ต้องหาเลี้ยงชีพอย่างปากกัดตีนถีบอยู่ ด้วยเหตุนี้ทำให้คุณเฉลียวและพี่ๆ น้องๆ ต้องอยู่อย่างปากกัดตีนถีบ และช่วยบิดามารดาทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัวเท่าที่จะทำได้ตั้งแต่เด็กๆ


ใน ตอนหลังได้เดินทางไปทำงานกับพี่ชายที่พิจิตรทำหน้าที่เป็นพนักงานเดินตลาด แต่หลังจากทำงานที่บริษัทแห่งนี้ได้เพียง 1 ปี บริษัทนี้ก็เลิกกิจการไป ทำให้คุณเฉลียวต้องหันเหอาชีพการงานจากลูกจ้างกินเงินเดือนมาเป็นพ่อค้าขาย ของกินเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่ขายขนุน ทุเรียน เนื้อเค็ม และยังรับจ้างโยงเรือให้กับญี่ปุ่น
จากการทำอาชีพค้าขายทำให้คุณเฉลียว ได้รับบทเรียนสอนใจจากการทำธุรกิจครั้งแรกว่า ...ไม่ว่าจะดำเนินธุรกิจใดก็แล้วแต่ จำเป็นจะต้องมีความรู้อย่างถ่องแท้ในธุรกิจนั้นๆ เพราะมิฉะนั้นแล้วก็จะนำมาซึ่งความสูญเสียในการลงทุน และการทุ่มเทเวลาที่สูญเปล่า



จากนั้นคุณเฉลียวได้มาช่วยพี่ ชายทำงานที่ร้านขายยาที่จังหวัดพิจิตรอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เข้าสู่วงการยา พอพี่ชายเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อเปิดร้านขายยา คุณเฉลียวก็ย้ายตามพี่ชายเข้ามากรุงเทพฯ แล้วไปทำงานเป็นเซลล์แมนขายยาให้กับบริษัทแลดเดอร์เล่ย์จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายยาออริโอมัยซินจากต่างประเทศ และก็ย้ายไปเป็นเซลล์แมนขายยาชนิดเดียวกันนี้ให้กับบริษัท เอฟ.อี. ซีริก จำกัด หลังจากเป็นเซลล์แมนอยู่ถึง 7 ปี คุณเฉลียวได้ลาออกจากงานและนำประสบการณ์นี้มาเปิดร้านขายยาและโรงงานผลิตยา เล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาที่ถนนสิบสามห้าง ย่านบางลำพู เมื่อเกิดสงครามโลกเข้ามาถึงเมืองไทย ทำให้เกิดภาวะการขาดแคลนยารักษาโรคขึ้น เขาจึงเกิดความคิดที่จะเป็นนายหน้าสั่งยาจากต่างประเทศเข้ามาขายในไทย



พ.ศ. 2505 หลังจากกิจการผลิตและจำหน่ายยาดำเนินไปได้ด้วยดีและไปได้สวย คุณเฉลียวซึ่งในตอนนั้นกลายเป็นเถ้าแก่เฉลียวแล้วก็คิดที่จะขยับขยายกิจการ ย้ายโรงงานผลิตยาไปตั้งอยู่ในที่กว้างขวางกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ เถ้าแก่เฉลียวจึงย้ายที่ทำการโรงงานมาอยู่บริเวณตรอกเสถียร ใกล้กับโรงแรมรอยัล หรือโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา โดยเถ้าแก่เฉลียวได้ซื้อที่ดินแปลงนี้แบบผ่อนชำระ นอกจากนี้เถ้าแก่เฉลียวยังได้เริ่มต้นทำธุรกิจรถแท็กซี่ให้เช่าจำนวนร้อย กว่าคันอีกด้วยนอกเหนือไปจากการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยาปฏิชีวนะ ซึ่งรายได้จากค่าเช่ารถนั้นเขาก็ได้นำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยาอีกทางหนึ่ง



เมื่อช่องทางนี้ไปได้ดี, เถ้าแก่เฉลียวพบว่ายาทีซีมัยซินเป็นยาที่ขายดีที่สุดและทำกำไรมากที่สุด ดังนั้นใน พ.ศ. 2508 เถ้าแก่เฉลียวจึงได้ตั้งบริษัททีซีมัยซินจำกัดขึ้นเพื่อเป็นบริษัทผลิตยา ทำการผลิตและจำหน่ายยาปฏิชีวนะประเภทมัยซินซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มี สรรพคุณแก้ไข้แก้ปวด มีโรงงานอยู่แถวคลองหลอด ผลิตยาทีซีมัยซิน ยาน้ำเบบี้ดอล ยาเม็ดลาย ฯลฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และยังมีการวางแผนการตลาดด้วยการทุ่มโฆษณาทุกรูปแบบทั้งลดแลกแจกแถมเพื่อจูง ใจคนซื้อ ปรากฏว่ามีคนนิยมมาใช้ยายี่ห้อนี้กันอย่างมากมายทีเดียว




พ.ศ.2513 ที่ดินบริเวณนั้นถูกทางราชการเวนคืน เขาจึงย้ายโรงงานมาสร้างใหม่ที่ย่านบางบอน เขตบางขุนเทียน ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และคุณเฉลียวยังเพิ่มการผลิตยาชนิดอื่นๆ อีกด้วย อย่างเช่นยาสีฟันแบลนเด็กซ์ แป้งแทดทู เป็นต้น และนอกจากนี้ยังผลิตแชมพูสระผมเพื่อจำหน่ายอีกด้วย ซึ่งสินค้าตัวใหม่ที่ผลิตคือยาสีฟันแบลนเด็กซ์นั้นเถ้าแก่เฉลียวได้รับช่วง ต่อมาจากบริษัทเวชกิจจำกัด ซึ่งเป็นกิจการครอบครัวของเพื่อนคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมจึงต้องชะลอการลงทุน และต่อมาก็ถอนตัวออกจากตลาด



พ.ศ. 2515 คุณเฉลียวได้ร่วมทุนกับเจ้าของบริษัทขายยาแอตแลนติก ซึ่งเป็นเพื่อนที่ชื่อสมยศ วนาสวัสดิ์ เพื่อก่อตั้งบริษัทบางกอกรัษฎาและทรัสต์จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยคุณเฉลียวถือหุ้นประมาณ 25% เมื่อธุรกิจยาเริ่มชะลอตัวลง คุณเฉลียวจึงหันมาจับตลาดเครื่องดื่มประเภทชูกำลังเมื่อกว่า 30 ปีก่อน


โดย ในพ.ศ. 2519 คุณเฉลียวเริ่มต้นคิดค้นผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ “กระทิงแดง” ในเวลานั้นมีเครื่องดื่มชูกำลังที่มีชื่อเสียงและตีตลาดอยู่แล้วคือลิโพวิ ตันดีของบริษัทโอสถสภา (เต็กเฮงหยู) ของตระกูลโอสถานุเคราะห์ และใน พ.ศ. 2521 ได้จัดตั้งบริษัทที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ขึ้นมา และ "กระทิงแดง" ก็แจ้งเกิดในปี พ.ศ. 2522 การที่กระทิงแดงของคุณเฉลียวกลายเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่ได้รับความนิยม นั้นวิเคราะห์กันว่าเพราะอาศัยพื้นฐานการตลาดจากตลาดยาทีซีมัยซินเป็นตัวนำ ร่องกระทิงแดง และยังใช้กลยุทธ์การตลาดอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้กระทิงแดงเหนือกว่าเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้ออื่นๆ ทั้งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่ถูกปากคนไทย โดยเฉพาะผู้บริโภคตลาดล่างคือผู้ใช้แรงงาน

หลังจากนั้นคุณเฉลียวได้เริ่ม สร้างตำนานกระทิงแดงโดยการตั้งโรงงานแถวถนนเอกชัย เริ่มจากโรงงานเล็กๆ บนเนื้อที่ไม่กี่ไร่ และใช้พนักงานไม่ถึง 10 คน เฉลียวก็เป็นคนออกแบบโลโก้ยี่ห้อกระทิงแดงเอง เบื้องหลังการใช้ยี่ห้อกระทิงแดงนั้นก็เพราะเขาเห็นว่ามันแปลกดี ประกอบกับความหมายของกระทิงแดงก็ให้ความหมายที่ดีในแง่ของพลัง



ต่อมาคุณเฉลียวได้ผลิต”สุรากระทิงแดง” "สปอนเซอร์" และผลิตเหล้าผลไม้ยี่ห้อ "สปาย ไวน์คูลเลอร์" แต่ที่สำคัญคือใน พ.ศ. 2527 เป็นปีที่กระทิงแดงเริ่มบุกตลาดโลก เริ่มต้นที่เมืองซัลส์บัวร์กในประเทศออสเตรเลีย และตีตลาดจนกลายเป็นเครื่องดื่มยี่ห้อดังของออสเตรเลีย
ปัจจุบันไดย์ทริ ช มาเตชิทซ์ (Dietrich Mateschitz) เป็นเจ้าของและผู้จัดจำหน่ายกระทิงแดงภายใต้ชื่อ เรดบูล ในตลาดยุโรป โดยบริษัทกระทิงแดงของไทยยังคงเป็นเจ้าของสัญลักษณ์ และถือหุ้นใหญ่จำนวน 51 เปอร์เซนต์ (เฉลียว อยู่วิทยา 49% เฉลิม อยู่วิทยา 2%) ในขณะที่มหาเศรษฐีชาวออสเตรียถือหุ้น 49% เป็นผู้ทำตลาดในยุโรป และอเมริกา ปัจจุบันกระทิงแดงมียอดจำหน่ายมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันเครื่องดื่มบำรุงกำลังยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง และมีพนักงานอยู่ประมาณ 1,850 คน กระทิงแดงที่ขายในยุโรปและอเมริกาจะมีรูปร่างและรูปแบบต่างจากที่ขายในเมือง ไทย เพราะในเมืองไทยจะคุ้นเคยกับเครื่องดื่มที่บรรจุในขวดทรงเหลี่ยมสีน้ำตาล แต่ในตลาดยุโรปและอเมริกา บรรจุภัณฑ์จะเป็นกระป๋องสีฟ้า ส่วนแถบเอเชียจะเป็นกระป๋องสีทองกับสีแดง แต่ใช้ยี่ห้อเดียวกันคือ Red Bull ทั้งหมด


เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงในเมืองไทยอาจจะเป็น เครื่องดื่มสำหรับตลาดล่าง แต่ในต่างประเทศแล้วเครื่องดื่มกระทิงแดงหรือเรดบูลและเรดบูลเอ็กตรา กลับเป็นเครื่องดื่มที่ตีตลาดกลุ่มวัยรุ่นในยุโรป อเมริกา และประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักเที่ยว ที่จะผสมเรดบูลกับเหล้า และเรดบูลก็กำลังขยายการตลาดเข้าสู่กลุ่มคนโดยทั่วๆ ไปอีกด้วย


ใน ต่างประเทศมักไม่ทราบว่ากระทิงแดงนั้นมีต้นกำเนิดจากเมืองไทย อย่างไรก็ตาม คงต้องยกเครดิตทั้งหมดนี้ให้แก่ ดีทริช มาเทสชิทส์ ชาวออสเตรีย ได้ค้นพบและติดใจในรสชาติของกระทิงแดงตอนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดให้กับบริษัทเบล็นแด็กซ์ (Blendax) ผู้ผลิตยาสีฟันของเยอรมนี ความสำเร็จของกระทิงแดงมาจากการที่ดีทริช เป็นผู้วางที่ทางของสินค้าโดยสร้างภาพให้กระทิงแดงเป็นเครื่องดื่มของคนรุ่น ใหม่ที่ชอบความ "แรง" โดยมุ่งเป้าไปสู่กลุ่มเด็กนักเรียนมหาวิทยาลัย และหนุ่มๆ วัยทำงาน ใช้การเป็นสปอนเซอร์ กีฬาโลดโผน และกีฬาที่อาศัยความเร็วเช่นการแข่งรถฟอร์มูล่าวันเป็นการโปรโมตสินค้า


Red Bull สามารถทำยอดขายสูงถึง 2 หมื่นล้านกระป๋อง ใน 120 ประเทศ ขณะที่ตลาดแคนาดา Red Bull ราคากระป๋องละ 3 ดอลลาร์ (90 บาท) ส่วนในสหรัฐอเมริกาตกที่ 1.99 ต่อกระป๋อง กระทิงแดงขายดีจนหนังสือพิมพ์ ดิ อินดีเพนเดนท์ ของอังกฤษ ฉบับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2547 กล่าวว่า ยอดขายเฉพาะในอังกฤษเมื่อปีก่อนสูงถึง 213 ล้านกระป๋อง ส่วนยอดขายทั่วโลกนี่ผ่านระดับ 1.6 พันล้านกระป๋องไปเรียบร้อยแล้ว ดังขนาดได้รับฉายาให้เป็นรถปอร์เช่ ในบรรดาเครื่องดื่ม Soft Drinks เลยทีเดียว นิตยสารฟอร์บส์ประเมินมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2546
ปัจจุบัน นิตยสารฟอร์บสจัดอันดับให้คุณเฉลียวเป็นเศรษฐีอยู่ในอันดับที่ 292 ของโลก และอันดับ 2 ของไทย รองมาจากนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้าง คุณเฉลียวมีทรัพย์สินรวม 2,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9 หมื่นล้านบาท



จากการศึกษาประวัติของคุณเฉลียว อยู่วิทยา พบว่า
ผม คิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีสาระ มีวิสัยทัศน์ยาวไกลและแม่นยำ แต่ก็ทำให้เห็นว่าคุณเฉลียวเป็นคนที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูง และถึงแม้ตอนนี้เขานั้นเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ยังกระปรี้กระเปร่าและมีไฟของคนทำงาน เหมือนกับหนุ่ม ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ผมไม่แปลกใจว่าทำไมธุรกิจของเขาจึงโด่งดังและประสบความสำเร็จไปทั่วโลก ผมมองว่าในอนาคตของธุรกิจที่คุณเฉลียวได้ก่อตั้งมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และก้าวที่เดินไปข้างหน้าผมเชื่อว่ามุมองศาของการเติบโตของธุรกิจจะเป็นกราฟ ที่พุ่งขึ้นไปค่อนข้างสูง เพราะธุรกิจกระทิงแดงในตอนนี้เติบโตและขยายตัวอย่างก้าวกระโดดแตกต่างจากใน อดีตเป็นอย่างมาก อีกไม่นานคุณเฉลียวคงก้าวขึ้นมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยที่สุดใน ภูมิภาคนี้ได้ในอนาคตได้อย่างแน่นอน


หากมองย้อนไปถึงภูมิหลังของคุณ เฉลียว เราจะยิ่งแปลกใจว่าจุดเริ่มต้นของชีวิตและครอบครัวของเขานั้น เริ่มต้นจากศูนย์จริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนก่อเกิดมาจากลำแข้งและหยดเหงื่อแรงกายของเขาทั้งสิ้น ความวิริยะอุตส่าห์เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยสร้างโอกาสให้เขาสามารถยืนหยัดบน ลำแข้งของตัวเองได้ แต่ถ้าหากมามองถึงธุรกิจที่คุณเฉลียวกำลังทำอยู่นั้น จะถือได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจที่หาได้ยากในหมู่คนไทย จากการที่จะต้องเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ และเริ่มมาจากการที่ไม่รู้จักใครเลยโดยเฉพาะในกรุงเทพ เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างมันว่างเปล่าไปเสียหมด แต่ด้วยสติปัญญา ความมุ่งมั่น และความอดทนของเขานั่นเองที่เป็นเหมือนแสงสว่างนำทางให้ชีวิตของเขาประสบกับ ความสำเร็จ เพราะรูปแบบของการบริหารงาน บุคลากร การเงิน การตลาด ล้วนแล้วแต่แตกต่างไปจากคู่แข่ง บวกกับผลประกอบการที่ผ่านมาซึ่งสามารถสร้างกำไรได้อย่างมหาศาลนั้น ทำให้ผมเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่นานนัก เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดง น่าจะเป็นอันดับ 1 ของโลกประเภทเครื่องดื่มชูกำลังได้ไม่ยากนัก





แม้ว่า คุณเฉลียวจะมีชื่อติดอันดับเศรษฐีโลก แต่ความเป็นอยู่ของเขายังคงความสมถะ เรียบง่ายเช่นที่ผ่านมา ยังขยันทำงานทุกวันอยู่ในบริเวณโรงงาน ไม่นิยมครื่องประดับหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่ไปไหนมาไหนด้วยรถโก้หรูราคาแพง ๆ และไม่นิยมสูทราคาแพง แต่นิยมการต่างกายธรรมดามากกว่า และใส่นาฬิกาเรือนเก่ายี่ห้อมิโด ปัจจุบันอาณาจักรกระทิงแดงของคุณเฉลียวมีกิจการในเครือมากกว่า 50 บริษัทและมีที่ดินสะสมไว้มากมายการดำเนินชีวิตทั้งการทำธุรกิจและด้านส่วน ตัวของมหาเศรษฐีอย่างคุณเฉลียว อยู่วิทยาเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ควรศึกษาและนำเป็นแบบอย่าง

ที่มา :http://www.bloggang.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น