ads head

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความสุข-และความทุกข์-ของการเล่นหุ้น

ที่มา http://chulakorn.blogspot.com/2012/06/blog-post_3279.html
โลกในมุมมองของ Value Investor             9 มิถุนายน 55
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

“เงิน 1 ดอลลาร์ที่เก็บได้บนถนนนั้นให้ความพึงพอใจแก่คุณมากกว่าเงิน 99 เหรียญที่คุณได้จากการทำงาน  และเงินที่คุณเล่นได้จากวงไพ่หรือในตลาดหุ้นก็สอดแทรกเข้าไปในหัวใจคุณใน แบบเดียวกัน”   นั่นคือคำกล่าวของ มาร์ก ทเวน  นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน

  ความสุขและความพึงพอใจจากเงินที่ได้จากการพนัน  ซึ่งในสายตาของ มาร์ก ทเวน  หรือคนทั่วไปรวมถึงการเล่นหุ้นนั้น  ช่างมากมายเสียเหลือเกิน  และนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่คนจำนวนไม่น้อย  ที่มีเงินพอสมควร  และคนที่มีเงินมาก  ต่างก็เข้ามาเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นนิจสิน

  แต่ความพึงพอใจที่ “ได้เงิน” เท่านั้นหรือที่ทำให้คน  “ติด”  อยู่กับการเล่นหุ้น?   ทำไมคนจำนวนมากที่วนเวียนเล่นหุ้นมายาวนานแต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้กำไร  บางคนขาดทุนด้วยซ้ำ  แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เลิกเล่น  อะไรเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนอยากเล่นหุ้นจริง ๆ  นอกเหนือจากเรื่องเงินที่จะได้?  คำตอบก็คือ  “ความสุขและความพึงพอใจจากการเล่นหุ้น”

  การศึกษาทางวิทยาศาสตร์เรื่องของความสุขและความพึงพอใจของคนเรานั้นน่าจะ อธิบายพฤติกรรมของคนที่ชอบ  “เล่นหุ้น”  ซึ่งในความหมายของผมก็คือ  คนที่ชอบ  “เก็งกำไร”  นั่นคือ  ซื้อ ๆ  ขาย ๆ  หุ้นในระยะเวลาอันสั้นได้  ลองมาดูกันว่าเป็นอย่างไร

  การศึกษาเรื่องของความสุขหรือความเพลิดเพลินหรือความพึงพอใจของคนเรานั้นพบ ว่ามันเกิดขึ้นใน  “สมอง”  นั่นก็คือ  เวลาที่เรามีความสุข  ร่างกายของเราก็จะหลั่งสารบางอย่างไปจับกับตัวจับที่ต่อเข้ากับสมอง  เราจะรู้สึก “ชอบ”  และ  “อยากทำ” อีก  เพราะมัน  “มีความสุข”

  การดื่มน้ำ  การกินอาหาร  การมีเซ็กส์  หรือการออกกำลังกาย  เหล่านี้  ร่างกายก็จะ  “ส่งสัญญาณ”  ผ่านเคมีบางอย่างไปที่ตัวจับเพื่อบอกสมองว่านี่คือ  “ความสุข”  และคุณจะอยากทำอีก   นี่เป็นเรื่องจำเป็นทางชีววิทยาเพื่อความอยู่รอดของชีวิตและสายพันธุ์ของ มนุษย์

  ยาเสพติดเช่น  กัญชา  ฝิ่น  เฮโรอีน  บุหรี่  เหล่านี้  มีสารที่ก่อให้เกิด “ความสุข”  สูงมาก  และดังนั้น  เมื่อคนเสพเข้าไปแล้วก็จะรู้สึกดีมาก  บางครั้งคล้ายจะ  “หลุดโลก”   นักวิจัยคนหนึ่งเคยทดลองเสพเฮโรอีนเพื่อดูความรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้น  เขาถึงกับบอกว่ามันเหมือนกับการ   “ถึงจุดสุดยอดจากการมีเพศสัมพันธ์พันครั้ง”  ซึ่งทำให้คนอยากเสพอีก  ปัญหาก็คือ  เมื่อเสพไปเรื่อย ๆ   ความรู้สึกสุดยอดก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ  เพราะตัวจับเคมีมันอาจจะ  “ด้าน”  ต้องใช้ยาเพิ่มขึ้น ๆ  จนถึงจุดหนึ่ง  “ความสุข” จากการเสพก็แทบจะหมดไป   ความ “ชอบ”  ก็ไม่มีเหลือ   เหลือแต่  “ความต้องการ”  คือถ้าไม่ได้เสพก็จะ  “ลงแดง”  ถึงจุดนี้  ความ “หายนะ” ก็จะเกิดขึ้นทั้งทางร่ายกายและจิตใจ  บางคนต้องก่ออาชญากรรมเพื่อให้ได้เงินมาซื้อยา

  กิจกรรมบางอย่างของคนเราก็ก่อให้เกิดความสุขหรือความพึงพอใจได้ไม่น้อยและ บางครั้งและ/หรือบางคนก็  “ติด”  ได้เช่นเดียวกัน  เช่น  การดื่มสุรา  การดื่มกาแฟ    การเล่นการพนันเช่นในบ่อนกาสิโน  การเล่นพนันบอล  การเล่นเกมคอมพิวเตอร์  หรือแม้แต่การออกกำลังหรือการมีเซ็กส์  ทั้งหมดนี้สามารถพิสูจน์ได้จากการตรวจสอบสารเคมีในสมองของคนที่กำลังทำ  ประเด็นสำคัญก็คือ  คนที่  “ติด” ก็คือคนที่ร่างกายมีสารเคมีหรือตัวรับที่ผิดปกติจากคนธรรมดาที่ทำให้พวกเขา ต้องทำมากกว่าคนอื่นเพื่อที่จะมีความสุขหรือความพึงพอใจเท่ากัน  แต่ในกรณีต่าง ๆ  เหล่านี้  ยกเว้นสุราแล้ว  คนจำนวนไม่น้อยก็สามารถ “เลิก”  ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ยาหรือปรึกษาแพทย์   พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง  ไทเกอร์ วูดส์  นักกอล์ฟชื่อก้องโลกที่เคยบอกว่าเขาเป็นโรค  “ติดเซ็กส์” และต้องได้รับการบำบัด  ทำให้ผมนึกต่อไปว่า  คนที่ “ติด” ในเรื่องเหล่านี้นั้น  นอกจากเป็นเรื่องของร่างกายแล้ว  มันคงต้องอาศัย  “สภาวะแวดล้อม”  ที่ว่า  คุณสามารถเข้าถึงมันได้ง่ายหรือมันอยู่ใกล้ตัวคุณมาก  คุณมีกำลังซื้อพอ  และมันไม่ผิดกฎหมาย  ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นต้น

  การศึกษาที่น่าสนใจมากอีกเรื่องหนึ่งก็คือ  เรื่องของ  “ผลตอบแทน”  นั่นก็คือ  การทำอะไรก็ตาม  โดย  “ธรรมชาติ”  มนุษย์ก็น่าจะทำเพื่อให้ได้ผลตอบแทนต่อร่างกายและสืบเผ่าพันธุ์  แต่การทดลองพบว่า   ความสุขหรือความพึงพอใจนั้นเกิดขึ้นได้แม้จะไม่มีผลตอบแทนอะไรมา “ล่อ”    พูดง่าย ๆ  สมองมีการเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกันเวลาที่เราทำบางสิ่งบางอย่างทั้ง ๆ  ที่ไม่ได้มีผลตอบแทนอะไรเลยเช่น  การเล่นเกมคอมพิวเตอร์   การทดลองยังพบว่า  คนเรานั้น  ชอบ  “ลุ้น”  นั่นก็คือ  เราชอบเล่นกับความไม่แน่นอน  โดยเฉพาะถ้าเรามีส่วนในการที่จะก่อให้เกิดผลตามที่เราต้องการ  ตัวอย่างง่าย ๆ  ก็คือ  ความสุขหรือความพึงพอใจที่จะเล่นหวยหรือลอตเตอรี่นั้น  จะเพิ่มขึ้นถ้าเรามีสิทธิเลือกเบอร์ที่จะแทง  นอกจากนั้น  เรื่องผลลัพธ์ก็มีส่วนต่อความสุขหรือความพึงพอใจที่จะเกิดขึ้น   ถ้าผลลัพธ์ออกมาถูกต้อง  แน่นอน  เราจะมีความสุขมากและอยากเล่นอีก  ถ้าผลลัพธ์  “ห่างไกล”  ความพึงพอใจก็น้อย  
 
แต่ถ้าผลลัพธ์ใกล้เคียงกับตัวที่เราเลือก  ซึ่งเราก็เสียเงินเท่ากัน   แต่ผลทางสมองนั้นจะแตกต่างกัน  เคมีที่เกิดขึ้นนั้น  ผมคิดว่าคงไม่ใช่ตัวเดียวกับเคมีความสุขแต่มันก็ใกล้กันมาก   และมันทำให้เรา  “อยากแทงอีก”  พูดภาษาชาวบ้านผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความรู้สึก  “เจ็บใจ”  และเราอยาก  “เอาคืน”
  และนั่นทำให้ผมนึกถึงเรื่องของการเล่นหุ้น  ซึ่งผมคิดว่าเข้าข่ายที่จะก่อให้เกิดความสุขหรือความพึงพอใจให้แก่คนเล่น ไม่น้อย  ข้อแรกก็คือ  มันเป็นเกมที่มีความไม่แน่นอนสูง  ข้อสอง  มันมีผลตอบแทนที่เป็นเงิน  “เดิมพัน”  ข้อสาม  คนเล่นสามารถเลือกหุ้นหรือมีส่วนในการที่จะกำหนดผลลัพธ์ที่จะออกมาได้ใน ระดับหนึ่งที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเกมอื่น ๆ  ข้อสี่  ผลลัพธ์ที่ออกมา  นั่นก็คือ  กำไรหรือขาดทุนในหุ้นแต่ละตัวหรือแต่ละครั้งหรือแต่ละช่วงเวลานั้น  มักจะเป็นเรื่องของการผิดพลาดที่  “ใกล้เคียง”  กับที่  “แทง”  ไว้  ความหมายก็คือ  ในยามปกตินั้น  นักเล่นหุ้นก็จะมีได้มีเสียในบางตัว  ผลตอบแทนก็มักจะกลับไปมาตามภาวะของตลาดหุ้น  เวลาของการ  “ลุ้น”  มีอยู่ตลอดเวลา   ไม่ใคร่ที่จะมีช่วงเวลาที่เล่นหุ้นแล้วเสียทุกตัวและพอร์ตมีแต่ลดลงต่อ เนื่องยาวนานยกเว้นในช่วงวิกฤติครั้งใหญ่  ดังนั้น  คนเล่นหุ้นนั้น  ถึงแม้ว่าจะขาดทุนก็ยังอยากกลับมาเล่นใหม่อีกเสมอ ๆ  เพราะเขาคง “เจ็บใจ” และอยาก  “เอาคืน”

  ความสุขที่เกิดจากการ “เล่นหุ้น” ดังที่กล่าวนั้น  น่าเสียดายที่ในระยะยาวแล้ว  คนเล่นมักจะขาดทุนเนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้หรือความสามารถที่จะควบ คุมผลลัพธ์ที่จะออกมาได้จริง  เขาเพียงแต่คิดว่าเขารู้เขาคุมได้  ดังนั้น  ในระยะยาวแล้ว  เขาจะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายและขาดทุนในส่วนต่างของราคาซื้อและ ราคาขาย  นั่นก็คือ  เวลาซื้อเขามักจะต้องซื้อแพงขึ้นเล็กน้อย  และเวลาขาย  เขามักจะขายได้ถูกลงเล็กน้อย  แต่ผลจากการซื้อ ๆ  ขาย ๆ  จำนวนมาก  เขาก็จะขาดทุน  และนี่ก็คือ  ความทุกข์ของการ  “เล่นหุ้น”    หนทางที่จะหลีกเลี่ยง “กับดัก” นี้ก็คือ  เราต้องเปลี่ยนการเล่นหุ้นเป็น  “การลงทุน”  ซึ่งจะต้องใช้แนวความคิดอีกชุดหนึ่งของความสุขและความพึงพอใจของคนเรา
 

โพสต์เมื่อ โดย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น