การเล่นหุ้นโดยติดตามข่าวรายวันนั้นดูเหมือนจะได้ผล
ทั้งนี้เพราะทุกครั้งที่มีข่าวดี หุ้นก็ จะมีราคาเพิ่มขึ้น
และทุกครั้งที่มีข่าวร้าย หุ้นก็จะมีราคาลดลง แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ มีผลชัดเจนแค่
1-2 วันเท่านั้น การเล่นหุ้นแบบนี้จะฃื้อขายบ่อย
ทั้งนี้เพราะข่าวดีกับข่าวร้าย มักจะมาปะปนกัน การเล่นหุ้นแบบนี้ผมเรียกว่าเป็นการ
"เล่นหุ้นระยะสั้น"
การเล่นหุ้นระยะสั้นอย่างนี้ท่านจะพบว่า
ท่านทายถูกประมาณ 3 ใน 5 ครั้ง ซึ่งก็นับว่าเก่ง มากแล้ว
เพราะคนซื้ออย่างเดาสุ่มนั้นจะเดาถูกแค่ 1 ใน 2 ครั้ง
แต่การทายถูก 3 ใน 5 นี้ก็ยังทำให้ท่านขาดทุน
ทั้งนี้เพราะ เวลาเราทายถูกนั้นมันให้กำไร แค่ 2-3 % แต่ท่านต้องเสียค่าธรรมเนียมซื้อ
และค่าธรรมเนียมขายในเวลาต่อมา รวมกัน 0.32 จึงเหลือกำไรจริงแค่
1-2%(เฉลี่ย=1.5%) แต่เวลาทายผิด
ท่านจะขาดทุน 2-3% และเมื่อรวม กับค่าธรรมเนียมแล้วกลายเป็นขาดทุนจริง
3-4%(เฉลี่ย=3.5%) ดังนั้น
ถ้าท่านทายถูก 3 ครั้ง ก็จะมีกำไร = 3 คูณ
1.5 = 4.5% และทายผิด 2 ครั้งก็จะขาดทุน
= 2 คูณ 3.5 = 7.0% ซึ่งรวม ผลการเล่น 5
ครั้งแล้ว = 4.5-7.0 = -2.5% หรือคือขาดทุนไป 2.5
%
อันที่จริงแล้ว
ข่าวดีและข่าวร้ายต่างๆนั้นมีผลกระทบยาวนานกว่าที่เราคิด ทั้งนี้เพราะ ข่าว
ต่างๆนั้นคือความจริงที่จะไปมีผลต่อกิจการและระบบเศรษฐกิจในเวลาต่อมา ราคาหุ้นนั้น
จะลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามแรงผลักดันของข่าวที่เกิดขึ้นย้อนหลังไปเป็นเดือนๆ
หรือเป็นปีๆ ซึ่งเราไม่สามารถจะมาจดจำ หรือประเมินผลกระทบที่แท้จริงได้
เรื่องนี้ท่านยังไม่ต้องเชื่อผม
ท่านลองเก็บสถิติดู คือ ต่อไปนี้เวลาท่านซื้อหรือขายหุ้น ให้ท่านจดบันทึก ราคาซื้อ
ราคาขาย เอาไว้ เมื่อได้สัก 30-40
ครั้งแล้วลองนำมาคำนวณดู ดูว่ากำไรจริงเป็นเท่าใหร่
ขาดทุนจริงเป็นเท่าใหร่ รวมแล้วขาดทุนหรือกำไร และอัตรา การทายถูกของท่านเป็นเท่าใด
แล้วนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมพูดไว้ข้างบน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น