ads head

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประเทศไทย ก้าวเข้าสู่ครัวของโลก

ที่มาhttp://chulakorn.blogspot.com/2012/05/blog-post_27.html
ประเทศไทย ก้าวเข้าสู่ครัวของโลก  

            กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ในประเทศไทยเอง โดยเฉพาะเจ้าใหญ่ 2 เจ้า ได้กำลังกว้านซื้อ ที่ดินจำนวนมหาศาล ด้วยเช่นกัน ด้วยจุดมุ่งหมาย สำคัญคือการบริหารจัดการข้าว ทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่จะทำ การกว้านซื้อที่ดินทำนา จ้างเกษตรกร หรือเจ้าของเดิมเข้าทำนา ผลผลิตที่อยู่ในมือจำนวนมาก และแทบจะผูกขาด ในอนาคต ก็จะทำให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ นี้มีพลังต่อรอง ในพืชอาหาร ที่กำลังจะขาดแคลน ของโลกใบนี้ ในอนาคตอย่างเบ็ดเสร็จ


            กลุ่มทุนรายใหญ่ ที่กำลังทำการกว้านซื้อ ที่ดินโดยเฉพาะที่ดิน ในภาคกลาง และเหนือตอนล่าง มีอยู่ 2 รายด้วยกัน หนึ่งคือ บริษัทซี.พี. ซึ่งมีลักษณะ การซื้อที่ดินผ่านบริษัท ในเครือ อีกหนึ่งเป็นของ เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนาภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง หรือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มักจะมีการซื้อ ที่ดินเกษตรกรด้วย ชื่อตัวเอง การเข้ามารุก ในธุรกิจเกษตรของ 2 ยักษ์ใหญ่ครั้งนี้ เป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่า พืชเกษตรคือ "น้ำมันบนดิน"เก็บกินไม่หมดสิ้น .......โดยเจ้าสัวเจริญ จ้างมือดี อดีตข้าราชการ ก.เกษตร กำหนดทิศทาง เดินปลูกพืช เศรษฐกิจ มุ่งในพืช 4 ตัวหลักได้แก่ "ข้าว-ยางพารา-อ้อย-มันสำปะหลัง" ส่วนซี.พี.ยังเน้นคอนแทรกฟาร์มมิง หนุนเกษตรกร ปลูกข้าวลูกผสม หวังครองเจ้าตลาด เมล็ดพันธุ์ ขณะเดียวกัน ให้บริษัทลูก กว้านซื้อที่ดินเพิ่ม ....ซี.พี.จับมือนักการเมืองท้องถิ่น ตั้งบริษัทดำนา-ทำนา พร้อมร่วมทุนต่างชาติ จัดการระบบข้าวเบ็ดเสร็จ


            การรุกคืบเข้ามา สู่ภาคเกษตร ของเจ้าสัวเจริญนั้น เริ่มตั้งแต่ปี 2547 โดยเจ้าสัวเจริญใช้กลุ่มธุรกิจการเกษตร และบริษัท ทีซีซี อะโกร ในการเดินหน้าธุรกิจนี้ โดยเจ้าสัวเจริญใช้วิธีจ้าง คนสำคัญที่สุดคือ "อนันต์ ดาโลดม" อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้เริ่มจากการให้ ทำรายงานด้านฐาน ข้อมูลคลังที่ดิน ที่มีอยู่เกือบทุกจังหวัด ว่ามีอยู่ที่ไหน บ้าง เท่าไร และควรจะปลูก พืชเศรษฐกิจอะไร โดยพืชเกษตรที่สนใจ มากที่สุดที่จะลงทุนในระยะแรก คือ ยางพารา และเริ่มกระจายปลูก ในหลายจังหวัด ได้แก่ ระยอง ปราจีนบุรี หนองคาย ฯลฯ ถือว่าขณะนี้ เจ้าสัวเจริญเป็นเจ้าของ สวนยางพารา รายใหญ่ ที่สุดในประเทศไปแล้ว


            จากนั้นเจ้าสัวเจริญ จึงเริ่มมาลงทุน ในไร่ อ้อย และโรงงานเอทานอล เพื่อทดแทนวิกฤตพลังงานด้วย โดยมีการเข้าซื้อ โรงงานน้ำตาล 4 โรง และเริ่มปลูกอ้อย จำนวน 1 พันไร่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และเตรียมขยายเป็น 5 พันไร่ภายในปีนี้ โดยเป็นที่ใน จังหวัดกำแพงเพชร 7 พันไร่ และสุโขทัย 3 พันไร่ นอกจากนี้ ยังเตรียมปลูกมันสำปะหลัง ในที่ดินที่คลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร และมีสวนปาล์มน้ำมัน 1 พันไร่ ที่อำเภอละแม จังหวัดชุมพร

เจ้าสัวเจริญ ...ได้มุ่งหน้าจะรุก ธุรกิจข้าวเช่นกัน โดยประกาศว่ จะเป็นชาวนาปลูกข้าวเอง และจะเป็นเจ้าของ นาข้าวรายใหญ่ ที่สุดในประเทศ โดยเจ้าสัวเจริญ ได้ลงทุนปลูกข้าวบนที่ดิน ของตัวเองในอยุธยา ประมาณ 1 หมื่นไร่ และ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ 2 พันไร่ และยังมีที่อยู่ ในจังหวัดหนองคาย 1 หมื่นไร่ ซึ่งเหมาะเป็นพื้นที่ทำนาด้วย

ขณะนี้เจ้าสัวเจริญ มีที่ดินเพื่อ ทำการปลูกพืชเกษตร มากที่สุด รวมทั่วประเทศ หลายแสนไร่ แล้ว
ซี.พี.เน้นข้าวลูกผสม หวังครองตลาดเมล็ดพันธุ์ ...เจ้าสัวธนินท์ ให้เกษตรกรป้อนผลผลิตให้ แต่สิ่งที่ ซี.พี.กำลังผลักดันอยู่ที่ "ข้าวลูกผสม" เพราะข้าวลูกผสม มีลักษณะเป็นหมัน จะทำให้เกษตรกร ไม่สามารถเก็บผลผลิต ไว้ปลูกในรอบต่อไปได้ ต้องซื้อข้าวลูกผสม ทุก รอบการผลิต ซึ่งเป็นการผูกขาด ผลผลิตเบ็ดเสร็จ ...ในอนาคต ซี.พี. มีเป้าหมาย ที่ชัดเจนในความต้องการ บริหารจัดการข้าว ทั้งระบบ หากเกิดวิกฤตการ ขาดแคลนอาหารโลก ขึ้นมาจริง ซี.พี.ก็จะเป็นหนึ่ง ในเจ้าตลาดข้าว ที่สำคัญ โดยหัวใจของ ซี.พี.คือ จะพยายามลด พื้นที่ทำนา จัดระบบชลประทานเพิ่ม เปลี่ยนให้เกษตรกร ใช้พันธุ์ข้าวลูกผสม ซึ่งไม่ได้ทำเดี่ยวๆ โดยร่วมกับ นักการเมืองท้องถิ่น จากข้อมูล ในพื้นที่ในเครือข่ายเกษตรกร 19 จังหวัด รายงานมาว่า ตอนที่ ทักษิณ พานักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ไปดูการสาธิตทำนาที่บ้านประภัตร โพธสุธน ครั้งนั้น ก็มีการใช้รถแทรกเตอร์ ของซี.พี. ใช้เครื่องจักรอุปกรณ์ทั้งหมดของซี.พี. และยังใช้พันธุ์ข้าวลูกผสม ของซี.พี. ด้วย ...... ในการร่วมมือ กับนักการเมืองท้องถิ่น จะเห็นได้ ในรูปแบบของ การตั้งบริษัทรับจ้างดำนา หรือบริษัทรับจ้างทำนา ที่ขณะนี้ ได้มีผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ในพื้นที่การปลูกข้าว ที่สำคัญของประเทศ แล้ว ซึ่งตรงนี้ จะมีการกว้านซื้อที่ดิน และจ้างชาวนา ปลูกข้าวด้วย โดยจะใช้พันธุ์ข้าวลูกผสม ของซี.พี.ในการปลูก .... สิ่งที่น่ากลัว คือ การที่ต่างชาติ เข้ามาร่วมมือ กับบริษัทต่างๆ ที่กำพื้นที่ภาคการเกษตรของไทย อยู่ในมืออยู่แล้ว เข้าร่วมในกระบวนการ จัดการผลผลิตข้าว ร่วมกับบริษัทใหญ่ ซึ่งตรงนี้กลายเป็นเทรนด์ที่น่ากลัว เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ของการเข้ามา ของต่างชาติ ในเรื่องเกี่ยวกับภาคการเกษตรไทย

หมาคานู
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12151799/I12151799.html

โพสต์เมื่อ โดย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น