ads head

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

'พร้อมพร ตั้งสง่า'ชอบเสี่ยงแบบดูตาม้าตาเรือ

ที่มาhttp://chulakorn.blogspot.com/2012/06/blog-post_1745.html
วันที่ 24 มิถุนายน 2555 10:30
โดย : กาญจนา หงษ์ทอง  : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สำหรับคุณ แค่ไหนถึงจะรวย แต่สำหรับ"พร้อมพร ตั้งสง่า"ความรวยคือความพอ ลองคลิกเข้าไปอ่าน

"ความ รวยฟังดูหอมหวาน ใครๆ ก็อยากรวย แต่พอคิดดีๆ มันไม่มีหรอกว่าเท่าไหนถึงรวย รวยแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับเราความรวยคือความพอ อยากไปก็เครียดเปล่าๆ สู้มาทำงานให้เกิดผลดีกว่า คุณแม่จะสอนว่าอย่าเอาเงินเป็นที่ตั้งของชีวิตเพราะจะทำให้เราโลภ ไม่มีความสุข เอางานเอาสิ่งที่เราทำดีกว่าว่าพยายามตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่และมี ความสุขกับมัน" นี่เป็นความเห็นของ "พร้อมพร ตั้งสง่า" ผู้บริหาร สถาบันสอนภาษา Fun Language

ทุกวันนี้เมื่อมีรายได้เข้ามา สูตรความพอของพร้อมพรจึงใช้วิธีแบ่งรายได้ออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกให้คุณพ่อคุณแม่และตอบแทนครอบครัว ส่วนที่สองเป็นเงินกองกลางของครอบครัวตนเองที่มีกันสองคนสามีภรรยาซึ่งเป็น ทั้งเงินออมเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายร่วมกัน ส่วนสุดท้ายเป็นเงินใช้จ่ายส่วนตัวที่จะนำไปลงทุนเพิ่มเติมหรือใช้จ่ายตามใจ ชอบ

พร้อมพรพูดถึงสไตล์การลงทุนของเธอว่า "พูดได้เต็มปากว่าเป็นแนว conservative  แต่ไม่ได้แปลว่าชอบฝากเงินกับแบงก์  แต่ไม่ชอบเสี่ยงแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ  ชอบเสี่ยงแต่ขอทำความรู้จักสิ่งที่จะเสี่ยงให้ดีว่าน่าเสี่ยงจริงหรือเปล่า คิดนานคิดช้าไม่เป็นไร  ถ้าขาดทุนจะได้โทษตัวเองได้เต็มที่ว่าเราดูแล้วเต็มที่และเราพลาดเอง ไม่ต้องไปโทษใคร"

เธอบอกว่าฝากเงินในธนาคารน้อยมาก เพราะดอกเบี้ยต่ำอยากให้เงินทำงานหาดอกผลให้เราอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่จึงลงทุนในหุ้น กองทุนรวมหุ้น กองทุนทองคำ ส่วนที่ถือเป็นการลงทุนภาคบังคับคือลงทุนในตราสารที่ให้สิทธิประโยชน์ทาง ภาษีเช่น ประกันชีวิต กองทุน LTF ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นมีบ้าง

ที่ ผ่านมาพอใจและชื่นชอบการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นมากที่สุด เพราะมีการกระจายความเสี่ยงตามสัดส่วนการลงทุนในตราสารประเภทต่างๆ หรือระหว่างตราสารในประเภทเดียวกัน และเหมาะกับลักษณะของตนเองที่ไม่มีเวลาจะศึกษาหรือติดตามหุ้นรายตัวนัก

"ที่ ผ่านมาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นมาตลอดและได้ผลตอบแทนดี นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นก็เป็นอีกทางที่ชอบ แต่ลงเพียง 2-3 ตัวเท่านั้นเพราะเป็นคนคิดช้า คิดนาน หัวโบราณอีกต่างหาก ชอบดูข้อมูลหุ้นแต่ละตัวให้ทราบถึงโครงสร้างการทำธุรกิจ งบการเงิน แนวโน้มการทำธุรกิจก่อนค่อยตัดสินใจซื้อ คือถ้าดูแล้วไม่เข้าใจว่าบริษัทนี้ทำอะไรยังไง หรือมีรูปแบบธุรกิจที่ซับซ้อนจะไม่สนใจเลยแม้ว่าใครจะว่าดีแค่ไหนก็ตาม ส่วนตัวชอบหุ้นที่ conservative คือเป็นธุรกิจที่เข้าใจได้ง่าย มีสัดส่วนหนี้ค่อนข้างน้อย มีการเติบโตสม่ำเสมอ"

ในโหมดการลงทุนของ พร้อมพรดูเหมือนเธอจัดการได้อย่างลงตัว  ในโหมดของค่าใช้จ่ายเธอบอกว่ามีวิธีเช็คสุขภาพทางการเงินง่ายๆ  คอยดูว่ารายได้มากกว่ารายจ่ายต่างๆ หรือเปล่า ทั้งค่าใช้จ่ายประจำ ค่าผ่อนนู่นนี่ภาระดอกเบี้ยเป็นอย่างไร อีกนานเท่าไหร่จะชำระหนี้หมดและแผนการชำระหนี้ราบรื่นดีอยู่หรือไม่ และมีเงินออมเหลือใช้ในยามฉุกเฉินบางไหมถ้าไม่ก็รีบลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือหารายได้เพิ่มด่วน

"พูดจริงๆ ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เห็นอะไรสวยงามก็อยากซื้ออยากได้ แต่ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ ต้องฝึกสติให้รู้จักคิดให้ดีก่อนจะใช้เงินตามใจตัวเองอีกทางคือบังคับให้มี วินัยทางการเงิน คือพอมีรายได้เข้ามาจะกันส่วนที่เป็นเงินลงทุน เงินออม หรือส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำไว้ก่อน เหลือส่วนที่จะใช้จ่ายตามสบายไว้ให้น้อยหน่อยจะได้คิดก่อนให้มากๆ เวลาใช้ บางครั้งอยากซื้ออะไรก็ตัดใจไม่ซื้อและนำเงินไปบริจาคแทน เพราะเงินจำนวนหนึ่งสำหรับเราอาจมีความหมายเพียงชุดใหม่ 1 ชุด แต่อาจสร้างสิ่งดีๆ ที่มีความหมายต่อผู้อื่นได้อีกมากมาย และบางครั้งยังนำใบเสร็จเงินบริจาคเหล่านี้มาหักภาษีได้อีกด้วย"

  พร้อมพรบอกว่า ทั้งหมดนี้อยากให้ทุกคนวางแผนการเงินเพราะคนที่วางแผนการเงินจะเตรียมพร้อม เพื่อก้าวไปข้างหน้าสู่เป้าหมาย ส่วนคนที่เรื่อยเปื่อยก็คือไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรมากเพราะไม่มีเป้าหมาย ดังนั้น คนเราควรวางแผนการเงินเพื่อจะได้รู้ฐานะการเงินตามจริงเสมอ รู้ที่มาที่ไปของรายได้รายจ่าย รู้จักจัดสรรเงินออมและสนใจแนวทางการบริหารเงินให้งอกเงยเพื่อสิ่งจำเป็น หรือเพื่อเป้าหมายในชีวิตและมีความตั้งใจมีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายให้ ได้คนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย

"ถ้าใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบประหยัด หรือยังมีเงินเหลือเก็บก็ยังโอเค แต่น่าเสียดายโอกาสในการทำให้เงินนั้นงอกเงยถ้าไม่สนใจจะบริหารให้ดี แต่หากเรื่อยเปื่อยแบบสุรุ่ยสุร่ายนี่น่ากลัวเพราะมีโอกาสสูงที่จะมีปัญหา ทางการเงินในอนาคตเมื่อรายได้ลดลง หรือเมื่อต้องการใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นเช่นยามเจ็บป่วยหรือยามเกิด เหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างน้ำท่วมต้องอพยพ ต้องตุนอาหารและน้ำ ต้องซ่อมบ้าน อะไรต่างๆ  หากใช้จ่ายกับสิ่งฟุ่มเฟือยจนเป็นหนี้สินหรือไม่เหลือเงินเพื่อสิ่งที่จำ เป็นก็คือ “ได้หน้า แต่ตัวข้าจน” และเป็นการดำเนินชีวิตโดยประมาท ลองถามตนเองก่อนว่าเรามีบ้านของตนเองหรือยัง หากตัวเราเองหรือคนในครอบครัวเจ็บป่วยมีเงินสำรองไว้บ้างไหม หากอยากเรียนต่อเพื่อเพิ่มพูนความรู้หรือสร้างอนาคตที่ดีทางวิชาชีพมีเงิน ค่าเทอมหรือไม่หากตกงานจะมีเงินสำรองใช้จ่ายไปก่อนนานเท่าใด มีการออมเงินเพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณบ้างหรือยัง เวลาจ่ายบัตรเครดิตจ่ายตามจำนวนมูลค่าชำระขั้นต่ำหรือเปล่า หากคำตอบคือไม่มี ควรหันมาทบทวนและปรับปรุงการใช้เงินของตนเองโดยด่วนเพราะหมายความว่าเราไม่ มีเงินสำรองกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตระยะยาวเลย ควรหันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตให้มั่นคงก่อน ของฟุ่มเฟือยต่างๆ เอาไว้ทีหลังก่อนที่จะพังเพราะเป็นหนี้"

เธอมองในภาพรวมว่าคนไทยยัง ขาดความรู้เรื่องการวางแผนการเงิน ซึ่งเป็นความรู้ที่สำคัญมาก ช่วยสร้างฐานะตนเอง และสร้างชาติได้นะคะอาจเพราะการวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่ฟังดูไกลตัว เข้าใจยาก และไม่ได้รับการปลูกฝังและเผยแพร่ความรู้อย่างเพียงพอ ส่วนใหญ่ที่เรียนๆ มาครูก็สอนแค่ให้ประหยัด ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รู้จักออม ฝากธนาคาร แต่ไม่ได้มีการให้ความรู้ลึกลงไปว่าควรวางแผนหรือบริหารเงินอย่างไร   ตราสารเพื่อการออมการลงทุนมีอะไรบ้าง ความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกันอย่างไร ที่จะช่วยให้สามารถสร้างภาวะการเงินให้แข็งแกร่งเพียงพอกับความต้องการใช้ จ่ายที่สมัยนี้มีสิ่งเย้ายวนใจให้ใช้เงินมากมาย

ทุกวันนี้พร้อมพรขอ เลือกใช้จ่ายพอประมาณตามฐานะ ไม่ฟุ่มเฟือยเกินตัว คิดเหตุผลให้รอบคอบก่อนแล้วก็รู้จักจัดสรรเงินไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินบ้าง โดยใช้ความรู้ ความรอบคอบประกอบด้วย และต้องมีคุณธรรมในการได้มาหรือใช้จ่ายเงินด้วย และแน่นอน เธอเชื่อเสมอว่าสุขภาพกายสำคัญกว่าความร่ำรวยแน่นอน    เพราะรวยไปแต่ต้องผจญความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย   นี่ก็เหมือนไม่มีชีวิต  แต่ที่สำคัญกว่าสุขภาพกายคือสุขภาพใจ ต้องมีจิตใจที่เบิกบานแจ่มใสและมีความสุขด้วยจึงจะมีสุขภาพกายที่ดีอย่าง ยั่งยืน



โพสต์เมื่อ โดย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น