การซื้อหุ้น กับ การซื้อของ
การ
ซื้อของ เราก็ต้องรู้ราคาของมัน
นั่นคือปกติแล้วเราจะซื้ออะไรก็คือเมื่อมัน "ราคาถูก"
คือให้ผลประโยชน์มากกว่าเงินที่เราจ่ายออกไป นั่นคือการซื้อของที่ฉลาด
ที่ถูกต้อง
การซื้อหุ้นก็เหมือนกัน เราซื้อเมื่อเราคิดว่าบริษัทนั้นกำลังถูกขายด้วยราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เช่นเราคำนวณได้ว่า ราคาหุ้นควรจะเป็น 10 บาท แต่กำลังซื้อขายกันที่ราคาเพียง 4-5 บาท อย่างนี้ถือว่าเป็นของถูก การซื้อเอาไว้ก็น่าจะเป็นการลงทุนที่ดี
แต่ปัญหาเกิดขี้นสองสามอย่างก็คือ
1) การซื้อของนั้นไม่ได้ผ่านการคำนวณมาอย่างเหมาะสม คือซื้อเพียงแค่หวังว่าจะขายที่ราคาสูงขึ้นเท่านั้น โดยไม่ได้ดูว่าราคาที่ซื้อมานั้นมันเกินพื้นฐานไปแล้วหรือยัง (ซึ่ง จะหาใครมาซื้อต่อล่ะ เพราะปันผลก็ได้น้อย รวมทั้งราคาได้รวมการเติบโตในอนาคตไปแล้วหลายปี)
2) การซื้อ เป็นการซื้อเพียงเพราะ "อยากได้" เท่านั้นเอง ซึ่งผมก็สังเกตเห็นการซื้อข้าวของของคนจำนวนมากที่เป็นในลักษณะนี้ คืออยากได้ แต่เงินที่จ่ายออกไปนั้นไม่ได้ให้ผลตอบแทนจากสิ่งที่ซื้อมา เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนเงินที่ดีเป็นเงินที่เลวนั่นเอง
3) การคำนวณเป็นการคำนวณที่ผิดพลาด หรือเป็นการคำนวณจากบริษัทที่ใหม่เกินกว่าจะมีข้อมูลมากพอที่จะมาทำเป็น สมมติฐานที่ถูกต้องได้ ทำให้การคำนวณผิดพลาด
แต่ถ้าเราสามารถคำนวณสิ่งต่างๆ ได้ใกล้เคียงความเป็นจริง (เราก็รู้ได้จากประสบการณ์ของตัวเราเองนั่นล่ะว่า ที่ผ่านๆ มาเราคำนวณได้ถูกต้องหรือไม่แค่ไหน) และเราได้ซื้อหุ้นที่ควรจะมีราคา 10 บาทได้ในราคาเพียง 5 บาทแล้วเมื่อราคาหุ้นตกลงไปอีก ทำไมเราจะรอไม่ได้ หรือแม้แต่จะซื้อเพิ่มด้วย....
คำตอบก็คือ ความไม่รู้, ความกลัว, ความโลภ, ความที่ไม่ได้ศึกษาวางแผนมา
เป็นอย่างดี, และความอยากรวยง่ายๆ และรวยเร็วๆ นั่นเองครับ
ก.ล.
หุ้นสิบเด้งทั้งหลายที่ใครบางคนถือเอาไว้ มันไม่ได้ขึ้นมาทีเดียวสิบเท่าตัวในเวลาหนึ่งหรือสองเดือนนะครับ นั่นล่ะที่นักลงทุนจริงๆ เขาทำกัน คือหาบริษัทที่ดีมีความสามารถในการทำกำไร ในการเติบโต แล้วซื้อหุ้นไว้ แล้วปล่อยให้บริษัทเติบโตไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นอาจจะเจอหุ้นขึ้น หุ้นลง ก็ต้องเฉยๆ ไว้ ซึ่งก็น่าจะทำได่ไม่ยาก "เพราะว่าเรารู้ว่าราคาที่แท้จริงมันควรจะเป็นเท่าไร" นั่นเอง
แล้ว คุณๆ รู้หรือเปล่าว่า ราคาที่ควรจะเป็นของหุ้นที่คุณซื้อ ควรจะเป็นเท่าไร?
มือเก่าหัดขับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12151792/I12151792.html
การซื้อหุ้นก็เหมือนกัน เราซื้อเมื่อเราคิดว่าบริษัทนั้นกำลังถูกขายด้วยราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เช่นเราคำนวณได้ว่า ราคาหุ้นควรจะเป็น 10 บาท แต่กำลังซื้อขายกันที่ราคาเพียง 4-5 บาท อย่างนี้ถือว่าเป็นของถูก การซื้อเอาไว้ก็น่าจะเป็นการลงทุนที่ดี
แต่ปัญหาเกิดขี้นสองสามอย่างก็คือ
1) การซื้อของนั้นไม่ได้ผ่านการคำนวณมาอย่างเหมาะสม คือซื้อเพียงแค่หวังว่าจะขายที่ราคาสูงขึ้นเท่านั้น โดยไม่ได้ดูว่าราคาที่ซื้อมานั้นมันเกินพื้นฐานไปแล้วหรือยัง (ซึ่ง จะหาใครมาซื้อต่อล่ะ เพราะปันผลก็ได้น้อย รวมทั้งราคาได้รวมการเติบโตในอนาคตไปแล้วหลายปี)
2) การซื้อ เป็นการซื้อเพียงเพราะ "อยากได้" เท่านั้นเอง ซึ่งผมก็สังเกตเห็นการซื้อข้าวของของคนจำนวนมากที่เป็นในลักษณะนี้ คืออยากได้ แต่เงินที่จ่ายออกไปนั้นไม่ได้ให้ผลตอบแทนจากสิ่งที่ซื้อมา เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนเงินที่ดีเป็นเงินที่เลวนั่นเอง
3) การคำนวณเป็นการคำนวณที่ผิดพลาด หรือเป็นการคำนวณจากบริษัทที่ใหม่เกินกว่าจะมีข้อมูลมากพอที่จะมาทำเป็น สมมติฐานที่ถูกต้องได้ ทำให้การคำนวณผิดพลาด
แต่ถ้าเราสามารถคำนวณสิ่งต่างๆ ได้ใกล้เคียงความเป็นจริง (เราก็รู้ได้จากประสบการณ์ของตัวเราเองนั่นล่ะว่า ที่ผ่านๆ มาเราคำนวณได้ถูกต้องหรือไม่แค่ไหน) และเราได้ซื้อหุ้นที่ควรจะมีราคา 10 บาทได้ในราคาเพียง 5 บาทแล้วเมื่อราคาหุ้นตกลงไปอีก ทำไมเราจะรอไม่ได้ หรือแม้แต่จะซื้อเพิ่มด้วย....
คำตอบก็คือ ความไม่รู้, ความกลัว, ความโลภ, ความที่ไม่ได้ศึกษาวางแผนมา
เป็นอย่างดี, และความอยากรวยง่ายๆ และรวยเร็วๆ นั่นเองครับ
ก.ล.
หุ้นสิบเด้งทั้งหลายที่ใครบางคนถือเอาไว้ มันไม่ได้ขึ้นมาทีเดียวสิบเท่าตัวในเวลาหนึ่งหรือสองเดือนนะครับ นั่นล่ะที่นักลงทุนจริงๆ เขาทำกัน คือหาบริษัทที่ดีมีความสามารถในการทำกำไร ในการเติบโต แล้วซื้อหุ้นไว้ แล้วปล่อยให้บริษัทเติบโตไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นอาจจะเจอหุ้นขึ้น หุ้นลง ก็ต้องเฉยๆ ไว้ ซึ่งก็น่าจะทำได่ไม่ยาก "เพราะว่าเรารู้ว่าราคาที่แท้จริงมันควรจะเป็นเท่าไร" นั่นเอง
แล้ว คุณๆ รู้หรือเปล่าว่า ราคาที่ควรจะเป็นของหุ้นที่คุณซื้อ ควรจะเป็นเท่าไร?
มือเก่าหัดขับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12151792/I12151792.html
โพสต์เมื่อ 27th May 2012 โดย Chulakorn Yosakrai
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น