ads head

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

Defragmenter---กระบวนความคิดของการลงทุนในหุ้น

Defragmenter---กระบวนความคิดของการลงทุนในหุ้น


ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kunjoja&month=04-2012&date=08&group=1&gblog=47
หลังๆ ผมไม่ได้เขียนไดอารี่สักเท่าไร อาจจะเพราะว่า ทางเลือกในการระบายออกของความคิด มันมีหลายช่องทางมากกว่าแต่ก่อน เมือเราได้เขียนไปแล้ว ก็ไม่ได้คิดจะมาเขียนซ้ำหรือลงซ้ำในที่อื่นอีก


วันนี้ผมไปซื้อหนังสือ(ตะแกรงร่อนหุ้น) ของคุณวิบูลย์ พึงประเสริฐแล้วก็มาอ่านในระหว่างเดินทางไปที่ต่างๆ เนื้อหาที่อ่าน มันก็ไม่ใช่วิธีการใหม่ แต่ก็เป็นอะไรที่รวบรวม ข้อมูลในสมองให้เป็นที่เป็นทางในบางเรื่องที่คิดสะเปะสะปะ
ผมก็เลยเทียบคล้ายๆกับ บางทีเมือเราใช้computer ไปนานๆ speed ต่างๆก็รู้สึกอืด ผมนิยมใช้ disc defragmenter มาช่วยแก้ไขในเบื้องต้นก่อน ถ้า ทำไปแล้ว การคลิก/การค้นหาข้อมูลทำได้ดีขึ้น ผมก็คิดว่า ก็ผ่านในการแก้ไขเบื้องต้นของผมไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เก้าสิบเก้าเปอร์ ในคอมของผม ก็มักใช้แค่วิธี disc defragmenter ก็ผ่านได้โดยไม่ต้องแก้ไขวิธีการอื่นอีก


----

เช่น กัน การอ่านหนังสือเล่มนี้และเล่มอื่นๆ ณ ตอนนี้ ผมก็รู้สึกว่า เป็นการรวบรวมความคิดของตัวเอง ให้เป็นระเบียบ เหมือนที่ในตะแกรงร่อนหุ้น เขียนไว้ว่า
“ value investing เป็นเรื่องของความคิด 90 % เป็นวิธีการแค่ 10 % ถ้าเราเข้าใจหลักการลงทุนที่ถูกต้อง เราก็มีมุมมองต่อตลาดหุ้นที่ถูกต้อง “
เมื่อเราได้ลงทุนในตลาดหุ้นมีประสบการณ์มาระดับหนึ่ง เราได้อ่านหนังสือหลักการต่างๆมามากมายแล้ว สิ่ง ต่อไปที่เราต้องทำ ไม่ใช่ค้นหาวิธีการใหม่ๆ แต่เป็นการค้นหา attitude ของตัวเอง ว่า เราต้องการวิธีการใดในการลงทุน เพื่อให้เหมาะกับตนเอง
-----


ผม ถือหุ้นอยู่ตัวหนึ่ง ถือจนผ่าน xm แล้วก็ได้แผ่นซ๊ดี รายงานประจำปีมา(แต่ยังไม่ได้เปิด T T ) ผมเคยคิดจะขายหุ้นตัวนี้ออกไปหลายครั้ง เป็นเพราะว่า ราคามันไม่เคลื่อนไหวไปตามที่เราต้องการสักเท่าไร

ถามว่า ถือมานานแค่ไหน เราถึงจะหมดความอดทน ?

ถ้าถามสายวีไอขนานแท้ คง ตอบแบบมีหลักการว่า ถือจนเราได้เห็นว่า ศักยภาพที่เราต้องการนั้นไม่เป็นดั่งที่เราหวัง หรือ มันได้แสดงศักยภาพนั้นจนหามุมมองอื่นๆที่จะเห็นมันมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ^B^

เป็น คำตอบที่ ผมว่าใครอ่านก็เข้าใจ ปัญหาคือ เข้าใจแต่ เห็นราคาหุ้นตัวอื่นๆเคลื่อนไหวเยอะๆ ก็หวั่นไหวไปตามง่ายๆเหมือนกัน ผมนึกภาพ ที่ผมคิดว่า
ผมกำลังทาน ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าแบบดั้งเดิม ที่ไม่เติมเครื่องปรุงใดๆ แล้วพยายามทนฝืนกินต่อ แต่แอบชำเลืองเห็นคนข้างๆกินก๋วยเตี้ยวต้มยำ รสแซ่บกันอยู่ ^^

ผม ได้เครื่องปรุงมาเติมในก๋วยเตี๋ยวราดหน้าของผม (จริงๆมันก็เป็นเครืองปรุงที่วางไว้กับโต๊ะของผมอยู่แล้ว แต่บังเอิญ ตะแกรงร่อนหุ้น-พนักงานของร้าน มาดันเครืองปรุงมาใกล้กับผมแล้วมองหน้าว่า ลื้อจะปรุงป่าว )

เครื่องปรุงทีว่านั้นของผมก็คือ

. .” ในระยะสั้น ตลาดจะเป็นเครื่องลงคะแนนเสียง แต่ในระยะยาวตลาดจะเป็นเครื่องชั่งน้ำหนัก “

อ่านแล้ว เหมือนจะ get แต่ ขยายความเพิ่มว่า
ใน ระยะสั้น หุ้นในบริษัทที่ได้รับความนิยมจะพุ่งขึ้น แต่ในระยะยาว บริษัทที่มีผลประกอบการเยี่ยมและดีกว่าจะได้น้ำหนักการลงทุนสูงกว่า

ต่อๆ(ขอเติมน้ำตาลอีกนิด) – แปลตรงๆคือ หุ้นเราไม่ได้มีราคาขึ้นเหมือนคนอื่น เพียงเพราะ หุ้นเราไม่ได้รับความนิยม เท่ากับหุ้นของบริษัทนั้นๆ

เท่านั้นเองครับ เครื่องปรุง รสเลิศของก๋วยเตี๋ยวราดหน้า สูตรดั้งเดิม (วีไอขนานแท้)


---


แต่วันนี้ ผมอยู่ข้างนอกครับ ขอตัวไปดูสิ่งยั่วยวนตา มองดูภาพหลอกล่อต่างๆตามข้างทาง และหาอาหารรสแซ่บมาทานก่อน

อย่างน้อย ความสุขที่ตัวเองอยู่นอกบ้าน ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง ในชีวิต

ผมไม่ใช่นักลงทุนแนววีไอดั้งเดิมที่ทานข้าวแต่ในบ้าน หรือ การดูแต่โฆษณาในทีวีอย่างเดียว




นั่นไง ! เพราะมีคนแบบผม

โฆษณาแนว out of home เลยเป็นสิ่งที่น่าสนใจมิใช่น้อย !


ปล ไม่ได้เขียนกล่าวถึงหุ้นตัวไหนครับผม : P

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น