ads head

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

Catalyst ตอนที่สอง ราคาหุ้นขึ้นเพราะ ตัวกระตุ้นของแท้หรือลวง

Catalyst ตอนที่สอง ราคาหุ้นขึ้นเพราะ ตัวกระตุ้นของแท้หรือลวง
ที่มาhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kunjoja
ในตลาดหุ้นเราได้นำเอาศัพท์หนึ่งทางวิทยาศาสตร์ มาใช้ อธิบายปรากฏการณ์หนึ่ง นั่นคือ คำว่าตัวเร่ง หรือ Catalyze (ความ หมายก็คือตัวที่ไปทำให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยาได้เร็วขึ้น ทำให้ขบวนการต่างๆ เกิดผลสำเร็จได้ไว) เราก็ได้นำมาใช้เปรียบเทียบในตลาดหุ้น ก็คือ บริษัทใดๆก็ตาม เมื่อมีตัวเร่งเข้าไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเช่น ผลประกอบการที่ดี บริษัทจะเติบโตขึ้นชัดเจน หรือมูลค่าของกิจการจะสูงมากขึ้น นั่นเอง
ในแง่ตรงข้าม เมื่อมี ตัวเร่ง ก็ย่อมต้องมี Inhibitor หรือที่เรียกว่า ตัวหน่วง ผลทำให้บริษัทนั้น เกิดภาวะที่มีมูลค่าของกิจการลดลง ซึ่งเป็นผลร้าย ท้ายสุด ก็จะสะท้อนออกมาด้วยผลประกอบการแย่ลงๆ ผลกำไรลดลง จนเกิดการขาดทุน เป็นต้น


ขอ ยกตัวอย่างกราฟ สองกราฟในระยะเวลาเท่าๆกัน จะเห็นว่า กราฟที่สองเมื่อมีตัวกระตุ้นเข้ามาทำให้ทุกคนมองไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนกราฟแรกก็เป็นในทิศทางตรงข้าม
ปล. สองกราฟนี้เป็นแค่ตัวอย่างกราฟ ไม่ได้บอกถึงข้อมูลอะไรทั้งสิ้น

>

.....


ข่าว หรือ ชาวหุ้นจะเรียกกันว่า หุ้นนี่มี Story ต้องดูว่า เป็นตัวเร่งหรือตัวหน่วงหรือไม่
ถ้าจากคำจำกัดความของที่ผมเขียนไว้ Story จะกว้างมาก
พูดง่ายๆคือ catalyst หรือ inhibitor มักจะเป็น subset ของ story

อ้าว คนอ่อนเลข เริ่มงง …

ในความหมายก็คือ การมี Story ออกมา ต้องแยกให้ออกว่า นี่คือ ตัวเร่ง หรือตัว หน่วง แท้ หรือปลอม!

หรือง่ายๆคือ ฟังข่าว แล้วต้องแยกให้ได้ว่า ประเด็นข่าวเป็น ข่าวที่ทำให้เกิดภาวะเร่งหรือหน่วงต่อบริษัทเราลงทุนไปหรือเปล่า !


เมื่อ มี ข่าว ออกมา เราควรจะแยกว่า อะไรที่เรียกว่า ตัวเร่งบ้าง บางครั้งเราก็แยกลำบากเพราะว่า บางครั้งต้องรอเวลาพิสูจน์ แต่บางเรื่อง(Story) ก็สามารถแยกได้เลย
Story บางเรื่องไม่ใช่ตัวcatalyse หรือ ก็เป็น false catalyse(ตัวเร่งลวง= ออกข่าวลวงท้ายสุดไม่เกิดevent นั้น) ก็ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น แต่โดยทั่วไป ราคาหุ้นก็มักจะย่อกลับมา หลังจาก ความจริง ปรากฎ


ขอ ยกตัวอย่างกราฟ สดๆรอ้นๆ หุ้นตัวหนึ่งมีข่าวออกมา พออีกวัน ผบห. ได้ออกข่าวปฎิเสธ ก็จะบ่งบอกว่า ข่าวแรกที่เป็นตัวเร่งนั้น อาจจะลวง ก็ได้ ให้ระวัง แค่นั้น ครับ
แต่ท้ายสุด ถ้าบริษัทนี้มีผลประกอบการดีขึ้นโตเนื่องจริง ในอนาคตราคาก็ย่อมปรับตัวขึ้นต่อไป



แต่story ที่เป็น true catalyse (ตัวเร่งจริง= ปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการหรือมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นได้อย่างแท้จริง) ก็มีทั้ง เพิ่มมูลค่าในระยะหนึ่งหรือ เพิ่มในระยะยาวอย่างยั่งยืน (ในกรณีนี้ อาจจะแยกยากหนอ่ย ต้องศึกษาละเอียดจริงๆ)

ในcatalyse จะพบว่า มีทั้งปัจจัยภายนอกบริษัท และภายในบริษัท ขอยกความดีให้กับหนังสือของคุณพรชัย ที่ชื่อว่า กุญแจ ห้า ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่แยกไว้ชัดเจน ผมขอไม่ลงรายละเอียดลองไปหาๆอ่านกันนะครับ คร่าวๆ ก็คือ
-ปัจจัยภายในบริษัท เช่นการซื้อหุ้นคืน การมีกลยุทธ์ใหม่ๆเข้ามา

ปัจจัยภายนอกบริษัท เช่น วงจรธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัว การเข้าซื้อกิจการบางอย่าง


สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง คือ เราอย่ายึดแค่เรื่องตัวเร่ง ก่อนที่เราจะพิจารณาว่ามีตัวเร่งไหม เราต้องคัดกรองมาก่อนแล้วว่า บริษัทนี้ เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี ไม่งั้นเราจะเอาตัวเร่งกับทุกตัวของหุ้นในตลท. เผลอไผล จะไปเจอหุ้นปั่นที่เอา false catalyse เข้ามา แทนที่เราจะได้ถือหุ้นในระยะยาวได้อย่างแท้จริง ก็ต้องกลับมาพะวงกับตัวหุ้น สุดท้าย เราจะได้เจอ sell on fact อย่างที่เราไม่เคยคิดว่าจะเจอมาก่อนได้

ท้ายสุด ผมก็ประโยคเด็ดในใจผมมาฝาก ครับ

บริษัทมีโอกาสเติบโตอีก ราคาไหนก็ไม่ขาย
บริษัทที่มีแนวโน้มธุรกิจใกล้จุดอิ่มตัว ราคาไหนก็ขาย


อย่าลืมรออ่านตอนจบของผมนะครับ


Create Date : 14 ธันวาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น