ads head

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

2011 ยุคข้าวยากหมากแพง ตอน 4 ภาคน้ำมัน

2011 ยุคข้าวยากหมากแพง ตอน 4 ภาคน้ำมัน

น้ำมัน โลหิตสีดำ ที่หล่อเลี้ยงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก นำมาซึ่งวิวัฒนาการ ความก้าวหน้า ความสะดวกสบาย ความมั่งคั่งของโลกในศตวรรษที่ 20  

น้ำมัน โลหิตของปีศาจ ที่ชักนำให้เกิดความขัดแย้ง สงครามในหมู่มนุษยชาติมานับครั้งไม่ถ้วน

คุณเคยลองหยุดคิดซักครั้งไหมว่า ชีวิตของคุณถ้าไม่มีน้ำมันจะเป็นอย่างไร หากไม่เคยลองหยุดคิดดูซักนิดครับ

เพราะเราเคยชินกับการมีชีวิตอยู่โดยพึ่งพิงพลังงานที่มีราคาถูก และมีปริมาณมากให้ใช้อย่างเหลือเฟือ   
 ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคที่พลังงานมีราคาแพง และ หายาก 
หากเราไม่เตรียมพร้อมต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น สุดท้ายสิ่งเดียวที่คุณทำได้อาจเป็นเพียงการร้องไห้คร่ำครวญ

ต่อไปนี้เป็นข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับน้ำมันที่คุณควรทราบ
  • การสำรวจค้นพบบ่อน้ำมันใหม่ๆ ของโลกถึงจุดสูงสุดในช่วงทศวรรษที่ 1960 ในขณะที่ในปัจจุบัน ในแต่ละวัน เราบริโภคน้ำมัน มากกว่า ที่เราค้นพบบ่อน้ำมันและแหล่งผลิตใหม่ถึง 4 เท่า

ที่มาhttp://pereira-john.blogspot.com/2011/04/2011-4.html
  • จากการคาดการณ์ของผู้เชียวชาญด้านพลังงานจำนวนมากเชื่อว่าการผลิตน้ำมันของโลกได้มาถึงจุดสูงสุดของกำลังการผลิตแล้ว (Peak Oil)  แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่าเราจะยังไม่ถึง Peak Oil จนกระทั่งปี 2020  ไม่ว่านักวิเคราะห์กลุ่มไหนจะเป็นฝ่ายถูกต้อง นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเรากำลังอยู่บริเวณยอด “ดอยน้ำมัน“
  •  กำลังการผลิตน้ำมันของโลกหากไม่ลดลง ก็คงจะไม่สามารถเพิ่มจากนี้ได้อีกมากนัก



  • ขณะ ที่ความต้องการใช้น้ำมันของประชากรโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากจีน และ อินเดีย ประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก 





  • ปัจจุบันประเทศซาอุดิอาราเบียเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 24% ของปริมาณการค้าน้ำมันของโลก
  • เชื่อ กันว่าประเทศซาอุ ยังมีปริมาณสำรองน้ำมันมากที่สุดในโลก และสามารถผลิตน้ำมันเพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของประชากรโลก ได้อีกหลายปี

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น เว็บไซท์ wikileaks ได้ เผยแพร่เอกสารลับจากสถานทูตสหรัฐประจำกรุงริยาด แจ้งเตือนรัฐบาลสหรัฐว่า ประเทศซาอุอาจมีปริมาณสำรองน้ำมันที่จะผลิตเข้าสู่ตลาดไม่เพียงพอที่จะ ป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นได้ และยังได้กล่าวอีกว่า ตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันที่ประเทศซาอุอ้างว่าตัวเองมีอยู่ อาจเป็นการกล่าวเกินจริงถึง 40%

หมาย ความว่า ความหวังที่นานาประเทศฝากให้ซาอุ และ กลุ่มโอเปค ช่วยประคับประคองไม่ให้ราคาน้ำมันขึ้นสูงเกินไปจากสภาวะน้ำมันแพงที่ประชากร โลกกำลังประสบอยู่ตอนนี้ จะไม่สำเร็จผล

*******

นอก จากเหตุผลด้านความตึงตัวของอุปสงค์อุปทาน ที่มีผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นในขณะนี้แล้ว อีกสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้นคือการอ่อนค่าของเงิน US$ กราฟต่อไปนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันกับค่าเงิน US$ เมื่อ US$ แข็งค่า น้ำมันจะถูกลง และในทางตรงกันข้าม เมื่อ US$ อ่อนค่า น้ำมันจะแพง


จากบทความก่อนหน้า คุณคงทราบแล้วว่าค่าเงิน US$ กำลัง อยู่ปริ่มขอบเหว ที่จะอ่อนค่าลงอย่างมาก และ รวดเร็ว ดังนั้นเราสามารถคาดการณ์ได้ว่า ราคาน้ำมันจะขึ้นสูงไปอีกมาก เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น

******

ภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่มีการผลิต และ ส่งออกน้ำมันมากที่สุดของโลกในปัจจุบัน

โครง สร้างประชากรที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก ทำให้มีปัญหาความว่างงานในประเทศต่างๆ มีอัตราสูง ทำให้เกิดการประท้วง จลาจล นำไปสู่ ความไม่มีเสถียรภาพของประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง 

ปัญหา ดังกล่าวมีผลกระทบต่อกำลังการผลิต และ ปริมาณส่งออกของน้ำมันจากประเทศตะวันออกกลาง จากปัญหาในประเทศลิเบีย กระทบต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมดของประเทศลิเบียทำให้ราคาน้ำมัน พุ่งสูงขึ้นกว่า 20 US$ ต่อบาเรล


มี ความพยายามก่อการประท้วงในประเทศซาอุดิอาราเบียแล้วหลายระลอก เป็นผลให้กษัตริย์อับบุลลาห์แห่งซาอุดิอาราเบียต้องอัดฉีดเงินกว่า 125000 ล้าน US$ เพื่อ เสริมสร้างสวัสดิการต่างๆ ของประชาชนชาวซาอุ และทำให้สถานการณ์ควบคุมอยู่ได้ในปัจจุบัน ผลของการอัดฉีดดังกล่าว ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันของซาอุปัจจุบันอยู่ที่ 88  US$ ต่อบาเรล

แต่ การเคลื่อนไหวในประเทศซาอุยังไม่ยุติ  เพียงแต่รอเวลาให้สถานการณ์สุกงอมเท่านั้น
“The main threat is . . . Saudi instability when the current king dies. We know he is very ill but obviously there is no indication of how critical that condition is. But it is acknowledged that the next transition will present a much bigger threat to internal stability. . . . Vested interest groups have been waiting for this transition to push their agenda. Saudi experienced considerable regional instability up to 10 years ago but bought it off with higher oil-based spending. Today the problem is as bad, if not worse. There have been only a few of the promised reforms. . . . Resentment towards the wealth gap with the royals is very high. . . . Even if/when the instability in other countries, such as Libya, settles, the Saudi succession threat is now firmly on the table. What happens in Bahrain could be very key. That alone will keep the oil market nervous for this year.”  

หากการประท้วงและจลาจลในประเทศซาอุถูกจุดติด ปริมาณ supply น้ำมัน ของโลกจะถูกกระทบอย่างหนัก นอกจากราคาน้ำมันที่จะแพงสูงขึ้นมากแล้ว สิ่งที่เราอาจจะต้องเจอก็คือ สภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย


อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น