ads head

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

จังหวะในการขายหุ้น


จังหวะในการขายหุ้น

ี่มา http://www.dooqo.com/dooqo_page.php?sub_id=2386   
 ในการขายหุ้นเป็นสิ่งที่ยากกว่าการ ซื้อหุ้น สำหรับนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ (ที่เป็นนักเก็งกำไร) เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะขายเร็วไปในหุ้นที่จะวิ่งขึ้นไป และมักจะไม่ยอมขายในหุ้นที่กำลังจะลงต่อเนื่อง มันเป็นเรื่องที่น่าแปลก และไม่มีทางแก้ไข แม้จะมีหนังสือหลายๆเล่ม ออกมาเสนอแนะแนวทางการเล่นหุ้นที่จะไม่ขาดทุน แต่ขอบอกว่าทำไม่ได้หรอก เพราะสิ่งที่นักเก็งกำไรกำลังเล่นอยู่ มีความอยากกำไร จากเงินที่เราจะต้องขาดทุน คนนั้นมีหบายชื่อเรียก รายใหญ่, เจ้ามือ, คนคุมราคา, คนทำราคา, นอมินีเจ้าของ ฯลฯ ดังนั้นหากจะเป็นนักเก็งกำไร ยังไงหุ้นที่เราขายก็ต้องวิ่งไปต่อ และหุ้นที่เราไม่ยอมขายมักจะวิ่งลงต่อ วิธีเลี่ยงการขาดทุนแบบนี้คือ การหันไปเล่นหุ้นพื้นฐานดี และจังหวะในการขายก็จะง่ายมากดังนี้

1. ขายเมื่อธุรกิจเริ่มที่จะไม่ดี
นั่นคือให้เน้นถือยาวๆ ในหุ้นของบริษัทที่กำไรเติบโตดี และถือไปจนกว่าบริษัทจะเริ่มทำกำไรได้น้อยลง หรือเมื่อแนวโน้มธุรกิจของบรษัทเริ่มไม่ดี เราก็ขายเอาเงินออกมาไปหาซื้อหุ้นตัวอื่น แต่หากธุรกิจยังเติบโตไปได้ดี คุณก็สามารถถือยาวได้โดยไม่ต้องไปสนใจจังหวะการแกว่งตัวเป็นรอบๆให้มากนัก
2. ขายเมื่อตลาดหุ้นพุ่งขึ้น เร็วและแรงเกินไป
ซึ่งจังหวะแบบนี้คล้ายกับวิกฤตในตลาดหุ้นที่เราแนะนำให้ซื้อ แต่ครั้งนี้จะเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับวิกฤต คือ อาการของตลาดจะเป็นดังนี้
  • ดัชนีราคาหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นเกิน 10% ภายในเวลา 1 เดือน ต้องเริ่มจับตา
  • หากดัชนีหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นเกิน 20 % ภายใน 1 เดือน ต้องเริ่มระวัง
  • เมื่อนักลงทุนหุ้น พูดแต่เรื่องกำไรหุ้นและอยกาลงทุนเพิ่มเข้าไปอีก
  • เมื่อคนที่ไม่เล่นหุ้น บอกว่าอยากเล่นหุ้น หรือแม้แต่แท็กซี่ยังอยากเล่นหุ้น ก็ต้องยิ่งระวัง
  • เมื่อ นสพ. รายวัน พาดหัวข้อข่าวเกี่ยวกับหุ้นขึ้น
  • เมื่อนายก หรือ รมว.คลัง เริ่มออกมาเตือนความร้อนแรงของตลาดหุ้น
หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อาจต้องพิจารณาขาย เอากำไรใส่กระเป๋าไว้ก่อน แล้วพักผ่อนรอไปเรื่อยๆ ยังไงหุ้นก็ต้องมีลฝ ยิ่งขึ้นไปแรงก็อาจจะปรับตัวลงแรงเช่นกัน
3. เมื่อหุ้นหยุดทำจุดสูงสุดใหม่ แต่เริ่มทำจุดต่ำสุด ที่ต่ำลงมาเรื่อยๆ
แบบนี้เรียกว่า หมดแรง และกำลังจะปรับตัวลง แม้ว่าข่าวในด้านลบจะยังไม่ออกมา แต่หากสัญญาบ่งบอกอนาคตแบบนี้ เดี๋ยวข่าวร้ายคงตามมาเอง เพราะหุ้นมันจะปรับตัวรับอนาคตเสมอ บางครั้งเราอาจตามข่าวในธุรกิจนี้ไม่ทัน อาจต้องพิจารณาหุ้นเป็นตัวนำข่าว
+++++++++++++++++++
อัพเดตโดย : กองบรรณาธิการ
วันที่ กุมภาพันธ์ 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น