ที่มาที่ไปแผนกู้ “วิกฤตแบงก์สเปน” เงื่อนไขต่างไปจากกรีซ-ไอร์แลนด์
|
||||
|
|||
ปัญหาใหญ่ของแดนกระทิงดุ คือ ธนาคาร ดังนั้นเงิน 100,000 ล้านยูโร (125,000 ล้านดอลลาร์) ที่จะได้รับจะนำไปอัดฉีดภาคการเงินภายในประเทศ
เกิดอะไรขึ้นกับสเปน
เรื่องราวของสเปนสะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่า ปัญหาของยูโรโซนกินลึกมากกว่าประเด็นการกู้ยืมเกินตัวของรัฐบาลที่ไร้วินัย รัฐบาลกรีซ โปรตุเกส และอิตาลีล้วนมีหนี้มากเกินไป แต่ยอดการกู้ยืมของรัฐบาลสเปนเป็น 0 มาตลอด เช่นเดียวกับงบประมาณที่อยู่ในสภาพสมดุลทุกปีจนกระทั่งก่อนวิกฤตการเงินโลก ปี 2008
ก่อนปีดังกล่าวเศรษฐกิจสเปนยังเติบโตรวดเร็ว สัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีแนวโน้มลดลง ซึ่งตรงกันข้ามกับเยอรมนี
ตอนที่สเปนเข้าร่วมระบบเงินสกุลเดียว ทางการมาดริดพยายามต้านทานแรงยั่วของเงินกู้ต้นทุนต่ำ แต่ประชาชนส่วนใหญ่รวมถึงแบงก์กลับไม่อาจทนทานไหว
เศรษฐกิจแดนกระทิงดุบูมยาวนานจากฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัย ครัวเรือนสเปนกู้เงินซื้อบ้านก้อนใหญ่ขึ้น ราคาบ้านพุ่ง 44% ระหว่างปี 2004-2008 แต่แล้วก็ตกลง 25% หลังจากนั้น เช่นเดียวกับเศรษฐกิจที่เติบโตเฉลี่ย 3.7% ต่อปีนับจากปี 1999-2007 ทว่าหลังจากนั้นกลับหดตัวลงปีละ 1%
ดังนั้น แม้ทางการมาดริดยังมีหนี้ต่ำมาก แต่หนีไม่พ้นต้องกู้เงินมาจัดการกับการล่มสลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภาวะถดถอย และอัตราว่างงานเลวร้ายที่สุดในยูโรโซน
สถานการณ์นี้มีนัยอย่างไรต่อแบงก์
ธุรกิจแบงก์เฟื่องฟูจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ล่ม ผู้กู้มากมายผิดนัดชำระหนี้และล้มละลาย มูลค่าสินทรัพย์ที่ค้ำประกันเงินกู้พลอยดิ่งลง
นับตั้งแต่ภาวะถดถอยเริ่มต้นขึ้นซึ่งบางคนเชื่อว่าจะลากยาวถึงปีหน้า นั้น ยอดขาดทุนจากเงินกู้พอกพูนเนื่องจากผู้กู้ไม่มีปัญญาจ่ายคืน
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากข้อเท็จจริงที่ว่า แบงก์กู้เงินจากตลาดระหว่างประเทศมาปล่อยกู้ให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์และผู้ ซื้อบ้าน ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงมากกว่าการใช้เงินฝากในแบงก์
เมื่อความเชื่อมั่นในตลาดทรุด แบงก์ยิ่งหาเงินมาอัดฉีดการดำเนินการได้ยากขึ้นและแพงขึ้น ปัจจุบันแบงก์สเปนมีหนี้สะสมมหาศาล บางคนคาดว่าอาจสูงถึง 180,000 ล้านยูโร
กระนั้น ไม่ใช่ว่าทุกแบงก์ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ทั้งหมด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่าผู้เล่นรายใหญ่ เช่น ซานตานเดร์ และบีบีวีเอ มีสภาพที่มั่นคงและยืดหยุ่น
รัฐช่วยแก้ไขอย่างไรบ้าง
สเปนเริ่มปรับโครงสร้างภาคการธนาคารมาพักหนึ่งแล้ว แบงก์ขนาดเล็กและอ่อนแอจำนวนมากต้องผนวกกันหรือได้รับความช่วยเหลือจากแบงก์ ใหญ่ จำนวนสาขาลดลง 15% และมีการปลดพนักงาน 11%
จนกระทั่งถึงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลอัดฉีดเงิน 34,000 ล้านยูโรให้แบงก์หลายแห่ง ในจำนวนนี้ไม่รวมเงิน 19,000 ล้านยูโรที่แบงเกีย แบงก์อันดับ 4 ของประเทศ ร้องขอเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่จะถูกโอนกิจการเป็นของรัฐไม่นาน
ตัวแบงเกียเองมาจากการผนวกของแบงก์ระดับภูมิภาคหลายแห่งที่เล็กเกินกว่าจะต้านทานผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลงได้
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ภาคการธนาคารสเปนต้องการเงินอัดฉีดอย่างน้อย 40,000 ล้านยูโรเพื่อฟื้นเสถียรภาพสถานะการเงินและปกป้องจากผลกระทบในอนาคต ตัวเลขนี้คาดว่าจะพุ่งกระฉูดเมื่อมีการรายงานผลการตรวจสอบบัญชีอิสระ 2 ฉบับปลายเดือนนี้
เพื่อรองรับตัวเลขเหล่านี้ งบประมาณปีปัจจุบันของสเปนที่ถือว่าเข้มงวดที่สุดในรอบ 30 ปี จึงบรรจุการขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายมูลค่า 27,000 ล้านยูโรไว้ด้วย
ในภาวะที่เกิดวิกฤตศรัทธาในตลาดเกี่ยวกับสถานะของภาคการธนาคารและผล กระทบต่อสถานะการคลังของรัฐบาล การกู้ยืมในตลาดของสเปนจึงมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
ทำนองเดียวกับสถาบันการเงินกระทำกับลูกค้าที่ขาดความน่าเชื่อถือ นักลงทุนกำลังเรียกร้องอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจากแนวโน้มความเสี่ยงที่เพิ่ม ขึ้น ผลลัพธ์คือสเปนต้องหันไปหากองทุนฉุกเฉินจากพันธมิตรในยูโรโซน
กลไกการทำงานของแผนการอัดฉีดเป็นอย่างไร
มีแนวโน้มว่าสเปนต้องกู้เงิน 100,000 ล้านยูโร แต่รัฐบาลยืนยันว่านี่ไม่ใช่มาตรการอุ้มหรือช่วยชีวิต และต่างจากความช่วยเหลือที่กรีซ โปรตุเกส และไอร์แลนด์ได้รับในหลายแง่มุม
เงินกู้จะมาจากกองทุนของยูโรโซนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยชาติสมาชิก ที่มีปัญหาด้านการเงินคือ กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (เอฟเอสเอฟ) และกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (อีเอสเอ็ม) โดยที่กองทุนหลังนี้จะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคม
ในกรณีก่อนๆ นั้น เงินอัดฉีดจะมาจาก 3 ฝ่าย อันประกอบด้วย สหภาพยุโรป (อียู) ไอเอ็มเอฟ และยูโรโซน
นอกจากนี้ เงินช่วยเหลือก้อนนี้ยังโฟกัสเป็นพิเศษที่ธนาคารสเปน ไม่ใช่เศรษฐกิจโดยรวมผ่านการอัดฉีดให้รัฐบาลกลางซึ่งสเปนพยายามหลีกเลี่ยง เนื่องจากมาตรการอุ้มมักมาพร้อมข้อเรียกร้องในการลดการใช้จ่ายและขึ้นภาษี
แต่เงื่อนไขครั้งนี้จะเน้นที่ภาคการเงิน กระนั้นรัฐบาลสเปนจะเป็นผู้ลงนามข้อตกลงและรับประกันเงินกู้
ที่มา:http://www.manager.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น